วันที่ 8 ส.ค.67 เวลา 11.15 น.ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการนำสมาชิกไปเปิดตัวสังกัดพรรคใหม่ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ จะมากันครบหรือไม่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ในคดีล้มล้างการปกครองวานนี้(7ส.ค.)ว่า เราไม่ได้มีการเช็คชื่อ แต่เรามีการเช็คหัวใจกัน มีการพูดคุยกัน จากการหารือคิดว่าน่าจะไปสมัครพร้อมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนชื่อพรรคที่จะไปสังกัดใหม่นั้น ขอให้รอก่อน ตนยังบอกไม่ได้ เพราะตนก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าพวกเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง
เมื่อถามว่าจะมีการต้านพลังต่อพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัวอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายยาก แต่เรื่องของความยุติธรรม ทุกคนรู้ว่าที่มาของเรามาจากความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน 14 ล้านเสียง ทุกคนตระหนักอยู่ในใจดีว่า คนที่เคยเป็นงูเห่าในอดีต และหักหลังต่อความไว้วางใจจากประชาชน มีจุดจบอย่างไร คงไม่ต้องบอกกันอยู่แล้ว ปัจจุบันดินฟ้าอากาศ อุณหภูมิทางการเมือง ไม่มีความจำเป็นต้องมาซื้อตัวขนาดนี้ ต่างจากในยุคก่อนที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ อุปสงค์อุปทานต่างไปจากเดิม ความมุ่งมั่นของสส.ก็ต่างไปจากเดิม
“ต้องยอมรับว่าเพื่อนๆที่เข้ามาในรอบนี้จำนวนมาก ไม่ได้อยู่ดีๆก็สมัครมาเป็นสส.ของเรา แต่ผ่านการทำงานร่วมกับพรรคมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้เราไว้เนื้อเชื่อใจรู้ใจกันมากขึ้น มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในรอบนี้อย่างที่ทุกคนกังวลกัน” นายวิโรจน์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีอะไรจากฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัวสส.อดีตพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ กล่าวว่า “ไม่ต้องฝากหรอกมั้ง เขาคงเลิกไปแล้ว คงโยนหินถามทาง หมาหยอกไก่ เมื่อถามว่าจำนวนเงินในการซื้อตัว20-30ล้านบาท จริงหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับตนว่าไม่จริง ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม คงทาบทามตามประสาคนที่เคยทำ ลองถามไถ่ดูได้ก็ดีฟรีก็เบิ้ล แต่พอไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่ท่านเรียกเขาก็เงียบไป
เมื่อถามว่า การที่เราไม่ทิ้งระยะเวลานานและเตรียมเปิดตัวพรรคใหม่ทันที เป็นการป้องกันการซื้อตัวหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราตกลงกันตั้งแต่แรกที่เข้ามาทำงานในพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ว่าจะทำอย่างไรที่จะแสดงความมุ่งมั่น เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจกับการขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล เราตกลงกันไว้อย่างนี้ วิธีนี้เราเรียกว่าแผนสอง หรือแพลนบี เราตกลงกันไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น เราจะร้อยรักดวงใจกันไปอย่างพร้อมเพรียง เปรียบเสมือนเส้นทางหนีไฟที่เราต้องไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนเหมือนมีปุ่มเรียกฉุกเฉินเดินหน้าตามนั้น
เมื่อถามถึงหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีชื่อของน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขอให้รอการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการดีกว่า สำหรับคุณสมบัติต้องเป็นคนที่ขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคต่อไปได้อย่างมั่นคง ตนว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด เราเคารพความหลากหลายเพศ ไม่เกี่ยงหากหัวหน้าพรรคจะเป็นผู้หญิง คงไม่เอาคุณสมบัติอะไรล็อคสเป็ค ส่วนจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่สร้างสเป็คไว้สูงนั้น ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคแต่ละคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนำมาเปรียบเทียบกัน
“ผมขอเปรียบเทียบเป็นนวนิยายกำลังภายในจีนดีกว่า ประมุขพรรคของเรา มีกำลังภายในที่ล้ำเลิศ ในแต่ละแขนงอยู่แล้ว ทุกคนมีท่าไม้ตายที่เป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง เคล็ดวิชาหัวหน้าพรรคเราล้ำเลิศ และสส.ทุกคนเป็นศิษย์บู๊ตึ๊ง ที่รับการถ่ายทอดกำลังภายในมา ไม่ต้องห่วงว่ากำลังภายในจะถดถอย ตั้งค่ายเจ็ดดาวพร้อมกันทุกคน” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่าตนอาจรู้สึกเสียใจบ้าง แต่พอเสียใจแล้วก็ต้องทำงานต่อ เพราะแผนงานที่เราวางไว้ทั้งหมดมันเลยวันที่ 7 ส.ค.ไปแล้ว ต่อให้เรารู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คำถามที่ต้องถามตัวเองคือ เราจะชะลอหรือ ก็คงไม่ ต้องเดินหน้าต่อ ทุกคนในพรรคไม่ได้รู้สึกว่าวันที่ 7 ส.ค. หรือต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่จะต้องผ่อนงานไว้ก่อน มันไม่มี ทุกคนก็รับงานตามปกติ
#ข่าววันนีั #ยุบพรรคก้าวไกล #ก้าวต่อไป #ศาลรัฐธรรมนูญ