รวบ "อิฐ บางแม่นาง” อดีตวิศวกร-นักกีฬายิงปืน ลักลอบขายกระสุนปืนให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ทั่วประเทศ 


วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี ,พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักสืบ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 5 จับกุมนายธัชชัย พงษ์พัว อายุ 38 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 95/226 หมู่ที่ 10 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี  แลัของกลางจำนวน 13 รายการ 1) กล่องพัสดุ สีน้ำตาล ภายในบรรจุเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 

2) กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ NRC จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 

3) กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ50 นัด รวม 100 นัด ) 

4) กล่องพัสดุ สีน้ำตาล ภายในบรรจุ 

4.1) เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)
4.2) เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 LR ยี่ห้อ Aguila จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ 50 นัด รวม 100 นัด ) 
4.3) เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 LR ยี่ห้อ ELEY จำนวน 2 กล่อง (กล่องละ 50 นัด รวม 100 นัด)
4.4) เครื่องกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 เกจ ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (25 นัด)
4.5) พร้อมด้วย ใบเสร็จ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพลส (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 แผ่น

5.กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 แม็กนัม ยี่ห้อ Armscor จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 
6) กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 
7) กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)  และ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Sellier&Bellot จำนวน 1 กล่อง (50 นัด)   
8) กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ยี่ห้อ Federal premium  จำนวน 1 กล่อง (10 นัด) 
9) กล่องพัสดุสีขาว ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Federal จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) และ เครื่องกระสุนปืนขนาด .22 ยี่ห้อ Sellier&Bellot จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 
10) กล่องพัสดุสีน้ำตาล ภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Thai Arms จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 
11) กล่องพัสดุสีน้ำตาลภายในบรรจุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 ยี่ห้อ Bullet Master จำนวน 1 กล่อง (50 นัด) 
12) กล่องพัสดุสีน้ำตาล (กล่องเปล่า) จำนวน 20 กล่อง
13) ถุงใส่ของพลาสติก แบบถือ ลายสีขาว-ดำ (ใช้สำหรับบรรจุกล่องพัสดุมาจัดส่ง จำนวน 1 ใบ 

รวมตรวจยึดกระสุนปืนได้ทั้งหมด 885 นัด เบื่องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า  “ จำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ”   โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในร้านส่งพัสดุเอกชน สาขาบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี  เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกับนักสืบ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 5  ได้นำกำลังไปเฝ้าจุดเพื่อจับกุม นายธัชชัย หรือ " อิฐ บางแม่นาง ” ที่บริเวณร้านรับส่งพัสดุแห่งหนึ่งในพื้นที่ตลาดบางใหญ่ ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี โดยพบตัวขณะขับรถยนต์ส่วนตัวนำถุงผ้าใบขนาดใหญ่ซึ่งภายในมีกล่องพัสดุ ซึ่งลักลอบบรรจุกระสุนปืนขนาดต่างๆ เพื่อนำไปจัดส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้ารอจนนายธัชชัย หรือ " อิฐ บางแม่นาง ” ส่งพัสดุเสร็จเรียบร้อย เมื่อเดินออกมาจากร้านเพื่อกลับขึ้นรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปแสดงตัวเพื่อสอบถามและตรวจค้น ซึ่งนายธัชชัย รับว่าตนนำเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ มาจัดส่งจำหน่าย เจ้าหน้าที่จึงนำตัวเข้าไปเปิดกล่องเพื่อตรวจค้นพัสดุที่จัดส่ง ผลการตรวจค้น สามารถตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี จำนวน 13 รายการ รวมตรวจยึดกระสุนปืนได้ทั้งหมด 885 นัด จึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายธัชชัย พงษ์พัว หรือ " อิฐ บางแม่นาง ” ว่าต้องหาว่ากระทำความผิด “ จำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ” โดยสามารถสืบสวนจับกุมตัวได้ภายในร้านส่งพัสดุเอกชน สาขาบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี

จากการสอบถามนายธัชชัย ให้การภาคเสธ โดยให้การว่าเดิมทีตนทำงานเป็นวิศวกรโยธาของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ก่อนลาออกมารับงานวิศวกรฟรีแลนซ์ เนื่องจากตนมีความชื่นชอบการยิงปืนตั้งแต่อายุ 21 ปี จึงได้ฝึกฝนในเชิงกีฬาจนมีความชำนาญ และรู้จักคนในวงการยิงปืน และวงการจำหน่ายกระสุนปืน ตลอดจนอุปกรณ์บีบีกัน จึงหันมาจำหน่ายกระสุนปืนขนาดต่างๆ และอุปกรณ์บีบีกันเป็นรายได้เสริม ไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมได้ในที่สุด     

จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเคยถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ ตัวการในข้อหามีเครื่องกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่ตนได้รับอนุญาตให้มี และจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ” เมื่อปี 2565 ตามเลขคดี ที่ 14/2565  พร้อมนำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นบ้าน หมู่ที่ 10 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ในเวลาที่ต่อเนื่องจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนขนาด .357 ซึ่งมีใบอนุญาตของบุคคลอื่นซุกซ่อนอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนโรงพักพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายในคราวเดียวกัน จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.บางใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย นำไปก่อเหตุปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า , เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืน ไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามสืบสวนขยายผลจนทราบว่า    ผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ให้กำลังพลเฝ้าสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลับลอบจำหน่ายอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนขนาดต่างๆ ทางออนไลน์และแกะรอยจนพบว่า" อิฐ บางแม่นาง ” อดีตวิศวกรและเป็นนักกีฬายิงปืน มีพฤติกรรมลักลอบนำกระสุนปืนขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ทั่วประเทศ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งตัวการสำคัญซึ่งเป็นต้นตอเสมือนระเบิดเวลาของการก่อเหตุอาชญากรรมให้เกิดขึ้นในสังคม

นอกจากนี้อาวุธปืนและกระสุนปืนนั้น เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรม โดยทางสืบนครบาลมุ่งเน้นที่จะปราบปรามจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาในสังคมและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และขอฝากเตือน การซื้อขาย ครอบครอง และพกพาอาวุธปืน” ต้องขอใบอนุญาตจากนายทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากซื้อขายอาวุธปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ผู้ขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท หากประชาชนพบเห็นการซื้อขายอาวุธปืนออนไลน์ หรือพบเห็นบุคคลที่ชอบพกพาอาวุธปืนออกมาในที่สาธาณะ ให้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB”