“นายกฯ”ของคุณ”สว.” ผ่านงบฯ 67 เพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน ขอให้คลายความกังวลปมเงินดิจิทัลวอลเล็ต โยน”คลัง”แถลงกำหนดวันใช้งาน  ด้าน”จุลพันธ์” มั่นใจคดี”เศรษฐา”ไม่มีผลกระทบแจก 10,000 บาท พร้อมเดินหน้าโครงการตามที่ได้ให้คํามั่นสัญญากับประชาชนแน่นอน

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ขอบคุณสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ทุกคนที่ให้การยอมรับและโหวตผ่าน ซึ่งรายละเอียดก็เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังได้แถลงไปแล้ว สำหรับกรอบเวลาที่แน่นอนนั้น ขอให้รอ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นผู้แถลงอีกครั้งหนึ่ง โดยรัฐบาลจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเข้าใจความต้องการของประชาชนทุกคน รัฐบาลก็ต้องการนำเงินส่วนนี้มากระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด เมื่อมีประกาศลงวันที่ได้แน่นอนก็จะเป็นสมการตัวหนึ่งที่ทำให้บริษัทห้างร้าน ภาคอุตสาหกรรม และ SME จะได้เร่งผลิตสินค้าเพื่อการรองรับการบริโภคโดยใช้เงินในส่วนนี้ การผลิตสินค้าก็ต้องมีระยะเวลาในการที่จะผลิต

นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าใจถึงความกังวลของทุกคน ทั้งร้านค้า รวมถึงการถอนเงินออกจากระบบ (Cash out) นั้น รัฐบาลพยายามแก้ไขทุกปัญหาเพื่อตอบโจทย์กับทุกคน ยืนยันทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาที่กำหนดไว้ ระบบต้องมีความพร้อม เสถียร ตรวจสอบได้ และต้องตอบคำถามทุกคำถามได้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง  เปิดเผยถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 14 ส.ค.นี้ จะมีผลกระทบต่อโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตหรือไม่ ว่า ขอให้เกิดความมั่นใจ เพราะประเทศไทยเข้มแข็ง ไม่ใช่พึ่งผ่านสถานการณ์เป็นครั้งแรก ซึ่งผ่านหมดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตามจะผ่านมันไปได้

“ขอให้ทุกคนได้เกิดความมั่นใจในเรื่องของนโยบายรัฐที่ดําเนินการอยู่ เข้าใจว่าสื่อถึงเรื่องของดิจิทัลวอลเลตไม่เกี่ยวกัน เพราะว่ากลไกนี้รัฐบาลผ่านกระบวนการทั้งเรื่องของการนําเสนอต่อนโยบายต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยทุกอย่าง ได้ถูกบันทึกไว้แล้ว ขั้นตอนต่อไปรัฐบาลมีหน้าที่ในการเดินหน้าตามที่ได้ให้คํามั่นสัญญากับรัฐสภาและประชาชน"  รมช.คลัง กล่าว

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ตนั้น ขณะนี้งบฯเพิ่มเติม 1.2 แสนล้านบาท ได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นไปในกรอบของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยงข้องทั้งหมด

ด้านระบบการลงทะเบียน และระบบเพย์เมนต์ต่างๆ นั้น เป็นไปตามมาตรฐาน ระบบเดินหน้าราบรื่น โดยขณะนี้มีสถาบันการเงินประสานเข้าร่วมมาแล้ว 14 แห่ง ซึ่งสุดท้ายจะต้องมีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน และภายใน 1-2 เดือนนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเข้ามาดูรายละเอียดระบบ