"ศาลรธน." มีมติเป็นเอกฉันท์ "ยุบก้าวไกล"  สั่งเพิกถอนสิทธิ "กก.บห."เป็นเวลา 10 ปี "เศรษฐา"โบ้ยตอบยุบพรรค บอกไม่รู้ "รมต.-คนในรัฐบาล" ซื้อ"งูเห่า" 30 ล้าน "อิทธิพร" เตือนซื้อตัว”สส.” จริงผิดกฎหมาย ป้อง "เลขาฯ" โพสต์ไร้นัยอะไร ขณะที่ "พิธา" เผยสส.นำหลักฐาน เสนอทั้งเงิน-ตำแหน่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ส.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นให้ยุบพรรคก้าวไกล จะให้กำลังใจอะไรหรือไม่  เนื่องจากฝ่ายการเมืองไม่ต้องการให้เกิดการยุบพรรคขึ้นอีก ว่า “ผมอยู่ฝ่ายบริหาร ผมไม่มีความเห็นเรื่องนี้“  เมื่อถามย้ำว่า จะให้กำลังใจอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวย้ำด้วยใบหน้าเรียบเฉย ว่า ไม่มีความเห็นเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวซื้องูเห่า30 ล้านบาท หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องซื้องูเห่าไม่ทราบเรื่องการใช้เงินอะไรทั้งสิ้น และมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่า ส.ส.ก้าวไกลออกมาแฉด้วยตัวเองว่าคนเสนอที่เสนอซื้องูเห่าเป็นรัฐมนตรีและเป็นคนที่อยู่ในรัฐบาล นายเศรษฐ  กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นใคร และไม่แน่ใจว่ามีจริงหรือไม่ ถ้ามีจริงก็เอาหลักฐานมาดำเนินการและดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลในวันนี้ ว่า เมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่ 22.30 น. ไม่เครียดอะไร 8 ชั่วโมงเต็มๆ  เมื่อถามว่า เช็กสัญญาณหรือยังไม่ได้เช็กว่าผลจะออกมาอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เช็ก เมื่อคืนก็หลับตามปกติทุกอย่าง ก่อนกลับก็กินข้าวกับเพื่อนๆ ส.ส. และร้องคาราโอเกะ คืนนี้ไม่รู้จะมีแรงปราศรัยหรือเปล่า

เมื่อถามถึงกระแสการซื้องูเห่าหัวละ 20-30 ล้านบาท  นายพิธา กล่าวว่า ตนก็มีโอกาสได้เห็นหลักฐานบ้าง จากโทรศัพท์คนอื่นและหลายๆพรรคบ้าง มาเป็นจำนวนเงิน บางอันก็มีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ให้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ส.ส.ก็เอามาให้ตนดู  มั่นใจว่าเขายินดีเดินทางต่อไปกับพรรคก้าวไกลแน่นอน

“เงินและตำแหน่งซื้อเขาไม่ได้แน่นอน มันคือความไว้วางใจที่ประชาชนให้มา เขาจะไม่นำเอาไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัวแน่นอน ผมก็รู้สึกเบาใจ แต่ก็ให้ประชาชนได้รู้ว่า มีการเมืองใต้เข็มขัดมีการเมืองสกปรกอย่างนี้ อยู่จริงๆ ในบ้านเมืองเรา ในช่วงเวลาแบบนี้” นายพิธา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนเขารู้หรือไม่ว่าอนาคตพรรคก้าวไกลจะเป็นแบบไหนจึงมีการซื้อตัว  นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่าเขาทำไป เพื่อที่จะสร้างให้อนาคตเขาเป็นแบบนั้น แต่เมื่อเราไม่ยอม อนาคตก็เป็นไปอย่างที่เราต้องการที่จะให้เป็น เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าอุดมการณ์จะไม่สร้างให้พรรคเป็นงูเห่า นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่แค่อุดมการณ์อย่างเดียวแต่มันคือนโยบายของเรา มันคือความเชื่อใจของพี่น้องประชาชน และตนก็เชื่อมั่นในตัวสส. และว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคน

ด้าน นายอิทธิพร บุญประคอง  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งเลือก (กกต.) กล่าวถึง วันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ว่า  กกต. ก็จะมีการติดตามสถานการณ์ตามปกติ ซึ่งการพิจารณาก็เป็นเรื่องของศาล ส่วนที่พรรคก้าวไกลระบุกกต. ไม่มีการเชิญมาชี้แจง  ทำให้เกิดข้อกังวลนั้น ณ  ขณะนี้อีกไม่นานศาลรัฐธรรมนูญก็จะอ่านคำวินิจฉัย ส่วนตัวเห็นว่าด้วยความเคารพศาลไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพราะเคยให้ความคิดเห็นไปก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อถามว่าข้อโต้แย้งของพรรคก้าวไกลทางกกต. มีความห่วงกังวลอะไรหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ในระหว่างนี้ใกล้เวลาที่ศาลจะพิจารณาแล้วตนขอไม่ให้ความเห็นอะไรเพิ่ม จากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยให้คู่กรณี ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ความเห็นที่อาจจะเป็นการชี้นำหรืออาจจะกระทบต่อศาล ในฐานะหน่วยงานที่ทำเรื่องนี้ขอไม่ให้ความเห็นเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า ยังไม่มีคำวินิจฉัยแต่มีกระแสข่าวซื้อตัวส.ส. เรื่องนี้กกต.จะติดตามอย่างไรบ้าง  นายอิทธิพร กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมาย หรือฝ่าฝืนกฎหมาย กกต. ก็ติดตามข่าว ซึ่งสามารถติดตามและแสวงหาข้อมูลเองได้ โดยเบื้องต้นก็ต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าข่าวนี้ มีพื้นฐานความเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นการคาดคะเน เมื่อถามย้ำว่า หากมีการซื้อขายกันจริงถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่  นายอิทธิพร กล่าวว่า น่าจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยต้องรอให้มีข้อเท็จจริงมากกว่านี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการฯ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กกั้นบริเวณด้านหน้าติดถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมติดตั้งจอมอนิเตอร์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความปลอดภัยและดูแลความเรียบร้อย นอกจากนี้ทางศาลรัฐธรรมนูญได้มีการติดป้ายประกาศ เรื่องอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน รักษาความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อย โดยได้นำแผงเหล็กมากั้นให้เป็นพื้นที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วย

กระทั่งเวลา 15.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ตามคำร้องที่คณะกรรมการ​การเลือกตั้ง​ (กกต.)​ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จากกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567

ทั้งนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แถลงด้วยวาจา  เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จากการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง

โดย องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคก้าวไกล พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ที่อยู่ในช่วงเวลาวันที่   25 มี.ค.64 -31 ม.ค.67 และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคและถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรค การเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง