สืบนครบาล รวบ "นาย หัว" เชื้อเชิญตำรวจเข้ามาซื้อ ปืนไทยประดิษฐ์ภายในบ้าน โดยอ้างว่าปลอดภัยไม่ถูกจับแน่
จากนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนก่อเหตุอาชญากรรม มีเป็นจำนวนมาก
โดยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ร่วมทำการจับกุม นายศักดิ์ดา อายุ 19 ปี โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”
พร้อมด้วยของกลางและตำแหน่งที่พบของกลาง
1.อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง ) ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก
2.ซองกระสุน จำนวน 1 ซอง
3.เครื่องกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 12 นัด
สถานที่จับกุม บริเวณภายในบ้าน ซ.ประชาอุทิศ 90 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ
พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนทำการจับกุม ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จากการสืบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และได้รับแจ้งจากสายลับ ให้ข้อมูลว่านายศักดิ์ดา ใช้บัญชีเฟสบุ๊คชื่อ“นาย หัว. ” ในการขายอาวุธปืนฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา
ต่อมาวันที่ 5 ส.ค.67 ช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้มีสายลับเข้ามาพบและแจ้งว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค “ นาย หัว. ” ได้เสนอขาย อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง ) ขนาด .380 ในราคา 13,500 บาท โดยนัดหมายให้มาที่ ห้างสรรพสินค้า สาขาพระประแดง พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติในการล่อซื้อจับกุมผู้กระทำความผิด ต่อมาเวลาประมาณ 13.00 น.จึงได้ออกเดินทาง โดยก่อนออกเดินทาง เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการตรวจค้นตัวสายลับไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมาย และได้มอบเงินล่อซื้อ ให้กับสายลับโดย พ.ต.ต.สมพรฯมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจ นั่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ไปกับสายลับเพื่อไปทำการล่อซื้ออาวุธจากนายศักดิ์ดาฯ ต่อมาประมาณ 14.10 น.เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปถึงบริเวณห้างสรรพสินค้า สาขาพระประแดง นายศักดิ์ดาฯ ได้แจ้งให้สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจที่นั่งขับขี่ไปด้วยว่า ให้เดินทางไปยังซอยประชาอุทิศ 90 จากนั้นนายศักดิ์ดาฯ ได้ให้สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจผู้ขับขี่ ขับตามไปยังหน้าบ้าน ซ.ประชาอุทิศ 90 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ และนาย ศักดิ์ดาฯ ได้เรียกให้สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจที่ขับขี่รถยนต์ เดินตามเข้าไปภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อทำการซื้อขายอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจจึงมอบเงินที่ใช้ทำการล่อซื้อให้แก่นายศักดิ์ดาฯ เป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 6,500 บาท สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจที่อยู่กับสายลับ ได้แจ้งกับนายศักดิ์ดาฯ ว่าจะโอนให้ และนายศักดิ์ดาฯ ได้รับเงินสดดังกล่าวไปแล้ว โดย เจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการล่อซื้อได้ส่งสัญญาณให้เจ้าพนักงานตำรวจที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้าทำการจับกุม เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุมตัวนายศักดิ์ดาฯ
ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้ควบคุมตัวนายศักดิ์ดาฯมายัง กก.สส.2 บก.สส.บช.น. เพื่อสอบสวนขยายผลอาวุธปืน จากการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน นายศักดิ์ดาฯ ได้ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง โดยเสนอขายในราคา 13,500 บาท เพราะตนร้อนเงิน จากนั้นได้ทำบันทึกการจับกุม นำตัวส่ง พงส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า อาวุธปืนนั้น เป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรม โดยทางสืบนครบาลมุ่งเน้นที่จะปราบปรามจับกุมอย่างจริงจังตลอดเวลา และขอฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท