เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 6 ส.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล หารือทูต 18 ประเทศเรื่องคดียุบพรรคจนหลายฝ่ายกังวลว่า จะเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทยหรือไม่ว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าตนไม่ทราบว่ามีการคุยกันเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีการพบกันและไม่ทราบเนื้อหาการพูดคุยมีเรื่องอะไรกัน แต่เรื่องกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย  ส่วนตัวคิดว่าทั้ง 18 ประเทศ ระบบยุติธรรมและระบบบริหารแยกกันชัดเจน ฝ่ายบริหารไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยก็เป็นกลาง และเป็นสากลได้รับการยอมรับจากทุกๆ ฝ่ายอยู่แล้ว

“ ผมคงพูดแทนท่านอื่นไม่ได้ แต่ส่วนตัวผมมีความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งสื่อมวลชนคงทราบ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของผมเอง ผมเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน แต่หากมีประเด็น หรือมีผู้ร้องเรียนก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องแจ้งไปที่ระบบยุติธรรมและคอยการตัดสิน ของผมเองก็ได้แจ้งไปแล้วว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้ยื่นคำแถลงปิดคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็คอยวันตัดสินคือวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งผมไม่ได้ไปพูดคุยอะไรกับใครทั้งสิ้น ประเทศเราก็เป็นเอกราช แต่ก็ต้องให้เกียรติทางนั้นเหมือนกัน  ซึ่งผมไม่ทราบว่า รายละเอียดการพูดคุยมีเรื่องอะไรบ้าง” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลเนื้อหาในหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ชี้แจงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อแปลเป็นภาษาไทย มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงเกี่ยวกับคดียุบพรรคก้าวไกล  นายเศรษฐา กล่าวว่า  ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน ในเรื่องนี้  กระทรวงการต่างประเทศก็มีการชี้แจงไปยัง UN  ส่วนการแปลคงต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงดีกว่าว่าแปลไปว่าอะไร  แต่จุดยืนของเราคือ เราไม่ก้าวก่ายระบบตุลาการ และเราก็ไม่ยอมให้ใครมาก้าวก่ายระบบตุลาการของเรา และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศจะมีการแถลงชี้แจงในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ 

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์ โดยเฉพาะในวัน 7 ส.ค. ที่จะมีการตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนตนไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งมั่นใจว่าทุกคนตั้งอยู่บนความสงบและยอมรับคำตัดสินของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว  และความจริงแล้วเราก็ควรจะเป็นอย่างนั้น