วันที่ 6 ส.ค.2567 ที่ทเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีข่าวเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ที่มีการออกมาเปิดเผยว่า เป็นเพราะมีประตูรายน้ำชำรุด จึงส่งผลให้น้ำไหลทะลักท่วมรีสอร์ต และบ้านเรือนประชาชนได้ความเสียหายว่า ไม่ใช่ ซึ่งขอบอกสื่อมวลชนว่า หากจะนำเสนอข่าวอะไรก็ตาม ต้องยึดหลักวิชาการ และหลักวิศวกรเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยปกติการระบายน้ำที่เขื่อนฯ จะระบายน้ำวันละ 3,000,000 ลูกบาศก์เมตรทุกวัน เพื่อหล่อเลี้ยงระบบนิเวศ หล่อเลี้ยงลำน้ำสาขาจากปลายเขื่อน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า โดยในที่เกิดเหตุเป็นวันฝนตกหนัก ซึ่งการระบายน้ำก็ระบายน้ำในปริมาณเท่าเดิม ไม่ได้ระบายมากกว่าเดิม แต่ช่วงท้ายเขื่อนมีลำน้ำสาขา เช่นน้ำตกสาริกา น้ำตกนางรอง และคลองลำน้ำสาขาต่าง ๆ ทำให้ปริมาณน้ำฝนมารวมกันอยู่ที่บริเวณท้ายเขื่อนทั้งหมด ซึ่งจุดวัดปริมาณน้ำนั้นอยู่ตรงท้ายเขื่อน ทำให้หลังเที่ยงคืนวันที่ 4 สิงหาคม เช้าวันที่ 5 สิงหาคม มีปริมาณน้ำที่สูงขึ้น ทำให้ปลายหลายคนเข้าใจว่าเป็นการระบายน้ำออกจากเขื่อนขุนด่านฯ ซึ่งความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เขื่อนยังระบายเท่าเดิม แต่หลังจากที่มีปริมาณน้ำที่สูงขึ้น ก็ได้ปิดประตูระบายน้ำทันที พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้กระโดดลงมาป้องกันลูกน้อง แต่พูดไปตามหลักการการบริหารจัดการน้ำ
ดังนั้นจะสังเกตุเห็นว่า เมื่อมีปริมาณน้ำฝนตกหนักในทุกที่ เช่นที่จังหวัดพะเยา น้ำที่มาก็จะเป็นน้ำหลาก จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน มาไวไปไว แต่สร้างความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยต้องมีการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ เพื่อป้องกันน้ำฝนไหลมารวมกันครั้งเดียว จนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.67) ช่วงเวลาบ่าย ตนจะลงพื้นที่ไปดู