หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์ …*…

กว่าจะถึง “วันพิพากษา”  7 สิงหาคม ที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” จะชี้ชะตา “พรรคก้าวไกล” จะอยู่หรือไป ปรากฏว่า ในระหว่างทางมีความเคลื่อนไหวจาก “ก้าวไกล” และ “กองเชียร์” เปิดเกมแรง เหมือนจงใจ ตอบโต้ “ศาลรัฐธรรมนูญ”  ทั้งการที่ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรค และ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค เปิดพรรคแถลงแถลงชี้แจงเนื้อหา และสรุปข้อต่อสู้ในเอกสารคำแถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 67 ที่ผ่านมา  ดูจะเต็มไปด้วยความขึงขัง …*…  

หลักใหญ่ใจความอยู่ที่การชี้ว่า “กกต.” ในฐานะ “ผู้ร้อง” กลับไม่ทำตามระเบียบของตัวเอง แถมงานนี้ “พิธา” ยังเล็คเชอร์หลักการและเหตุผล ว่าเหตุใดการเสนอแก้ไข “มาตรา 112”  โดยอ้างว่า ด้วยมีเจตนาที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป …*…  

“ในฐานะผู้ถูกร้องเรียนต่อศาลว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงได้ มิใช่ด้วยการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และหลักการคุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงข้าม การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องโอบรับความคิดเห็นที่ดำรงอยู่หลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ” (2 สิงหาคม 67) …*…

 ฟังไปฟังมา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการ “ประดิษฐ์คำพูด” อ้างถึงเหตุที่ต้องการเสนอแก้ไขกฎหมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว “พฤติการณ์” ที่ผ่านมา คือ “คำตอบ” ที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” ทั้ง “กกต.” และ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ล้วนเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตา ของ “ก้าวไกล” เพราะการอ้าง ยกแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาแจกแจงล้วนเป็น “ข้ออ้าง” ที่ทำให้ “คนรักสถาบัน” อดกลับไปคิดและมองไม่ได้ว่า “ก้าวไกล” ก็คือ “ผู้ร้าย” ที่มีพฤติการณ์ “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย” …*…

จนเป็นที่มา ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมี “มติเอกฉันท์” เอาไว้เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 ว่า ทั้ง “พิธา-พรรคก้าวไกล”  ใช้สิทธิ หรือ เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรค 1 และสั่งการให้ เลิกการกระทำ เลิกแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น เพื่อให้มีการยกเลิกมาตรา 112  อีกทั้งไม่ให้มีการแก้มาตรา 112 ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่กระบวนการนิติบัญญัติโดยชอบมาแล้ว การแถลงในลักษณะ “สู้นอกศาล” ของ “ก้าวไกล” คือภาพสะท้อนถึงความหวั่นไหว และเหมือนกับว่า “รู้คำตอบ” วันที่ 7 สิงหาคมนี้อยู่แล้ว แต่ห้วงเวลาที่เหลือก่อนวันพิพากษา คือการปลุกม็อบเอาไว้รอรับวันชี้ชะตา ก็เท่านั้น …*…

ที่มา:พันแสง