เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 4 ส.ค.67 ร.ต.อรัฐพล เดชนรสิงห์ รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายอยู่ที่กลางถนนในหมู่บ้านกลาง หมู่ที่ 8 ต.ชัยพร อ.เมืองบึงกาฬ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมได้ชุดสืบสวน และตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ

ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตกลางหมู่บ้านกลาง เมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถเลี้ยวเข้าในซอยกลางหมู่บ้าน ก่อนไปถึงที่เกิดเหตุก็ถึงกับตกใจกับเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาก็คือมีบุคคลคว้าอาวุธปืนสั้นจ่อยิงขมับตัวเองตายต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทราบสาเหตุจากเรื่องอะไร หลังจากตกตะลึงจึงหยุดรถเดินลงไปดูศพผู้ที่พึ่งยิงตัวตายต่อหน้าต่อตาเมื่อครู่นี้เองและอีกศพหนึ่งห่างไปประมาณ 25 เมตรมีชาวบ้านยืนมองดูอยู่ จึงได้สอบถามเบื้องต้นถึงความเป็นมาของศพ 2 ชายดังกล่าว โดยทราบชื่อศพชายที่พึ่งยิงตัวตายว่า ม.ล.วันชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี อยู่หมู่ที่ 8 บ้านกลาง นอนตายอยู่บนถนนคอนกรีตอยู่ตรงข้ามบ้านพักของตัวเอง ใส่เสื้อยืดสีแดงคอกลมแขนสั้น กางยีนส์ขายาวสีนำเงิน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 มม. เข้าขมับขวากระสุนฝังใน

ส่วนศพแรกที่ถูก ม.ล.วันชัย ยิงตายไปก่อน สภาพศพนอนหงายไม่สวมเสื้อสวมกางเกงยีนส์ขายาว ถูกยิงด้วยกระสุนขนาด .38 มม.เช่นกันเข้าเบ้าตาขวากระสุนทะลุท้ายทอย ทราบชื่อต่อมาว่า นายอุทัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี อยู่หมู่ 8 บ้านเดียวกันและอยู่ห่างกันประมาณ 90 เมตร

จากการให้สัมภาษณ์ของ นางสวนสน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ภรรยานายอุทัย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ปกติแล้วผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นหม่อมหลวงวันชัยมือปืนนั้น จะเป็นคนชอบดื่มสุราเสียงดังในหมู่บ้านเป็นประจำใครก็ไม่กล้าตักเตือน โดยตนเองและสามีเป็นคนที่ทนเห็นการกระทำของคนที่ชื่อว่าหม่อมหลวงไม่ไหวจึงได้โพสต์ลงในเฟซต่อว่า  ในเมื่อตัวเองเป็นถึงหม่อมหลวงแล้วการจะกินเหล้าเมายาก็อย่าให้รบกวนชาวบ้านมากนัก ใครก็กินเหล้ากันได้แต่ว่ากินแล้วให้มีมารยาทหน่อยอย่าเสียงดังรบกวนชาวบ้านมากนัก ตัวเองเคยโพสต์ลงเฟซบุ๊กต่อว่าไปนานหลายปีแล้ว ก็คือว่าแกจะกินเหล้าเมาทีไรก็เสียงดังรบกวนชาวบ้านทุกครั้ง ซึ่งพวกตนก็ไม่กล้าตอแยแต่ครอบครัวตนอดรนทนไม่ไหวจึงได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กต่อว่าต่อขานไป ทำให้หม่อมหลวงวันชัย ผู้เป็นมือปืนไม่พอใจต่อว่าในเฟสบุ๊กเข้ามาเช่นกัน เวลาที่พวกตนเดินผ่านหรือขับรถผ่านสี่แยกบ้านแกทีไรก็จะถูกต่อว่าหรือตะโกนด่าทุกครั้งให้เสียๆ หายๆ แต่พวกตนก็อดทนไม่แยแสด้วยทุกครั้ง

และวันนี้ก่อนเกิดเหตุสามีตนซึ่งก็เดินผ่านหน้าบ้านแกอีกครั้ง จึงเกิดท้าตีท้าต่อยกัน สามีซึ่งอายุน้อยกว่าได้ลงมือชกต่อยกันจริง แต่หม่อมสู้ไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปเอาปืนพกสั้นอยู่ในบ้านเข้ามาไล่ยิงสามีตน จังหวะที่สามีกำลังจะเดินกลับใกล้ถึงบ้านแล้ว ถูกหม่อมวิ่งเอาปืนไปข่มขู่จะฆ่าให้ตาย จนสามีตนก็ยกมือไหว้ว่ายอมแล้วไม่ขอเอาเรื่องด้วยแล้ว แต่กระนั้นหม่อมหัวร้อนก็ยังไม่ลดละชักปืนออกมายิงเข้าเบ้าตาสามีตัวเองจนล้มลงดับอนาถดังกล่าว จากนั้นก็ยังยืนเฝ้าสามีที่นอนหายใจรวยรินคุมเชิงอยู่ห้ามใครเข้าใกล้หรือมาช่วยเหลือเด็ดขาดไม่งั้นจะโดนยิงตายไปด้วยคน ระหว่างนั้นก็มีคนโทรไปแจ้งตำรวจว่ามีคนถูกยิงตายเมื่อตำรวจขับรถเลี้ยวเข้าซอยที่เกิดเหตุหม่อมหัวร้อนเห็นดังนั้นถึงยกปืนกระบอกเดียวกันที่ยิงสามีตัวเองตายเมื่อสักครู่นี้ยิงขมับตัวเองตายตามไปเพื่อหนีความผิด

แต่ถึงอย่างไรถึงแม้หม่อมจะฆ่าตัวตายไปแล้วตัวเองในฐานะภรรยา ก็จะเอาผิดด้วยเช่นกันเพราะว่าฆ่ากันได้อย่างโหดเหี้ยมเหลือเกินทั้งที่ยอมยกมือไหว้แล้วว่าจะไม่ต่อว่าต่อขานกันอีก ส่วนศพบุคคลทั้งสองหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและพิสูจน์หลักฐานชันสูตรแล้ว จะเก็บศพไว้ที่โรงพยาบาลบึงกาฬก่อนและพรุ่งนี้เช้าถึงจะส่งไปตรวจหาเอาหัวกระสุนออกที่สถาบันนิติเวชขอนแก่นต่อไป ส่วนชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกันต่างก็พูดเสียงเดียวกันว่า นายอุทัย คือกล้าหาญต่อว่าและต่อสู้กับนายหม่อมหลวงวันชัยที่เปรียบเสมือนขาใหญ่ในหมู่บ้านนั่นเอง  ส่วนสาเหตุการยิงกันตายในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่ง