กรณีชายชาวญี่ปุ่น อายุ 36 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่า ถูกนายอุทัย (สงวนนามสกุล) หรือ "เอมี่" หลอกลงทุน โดยผู้เสียหายรู้จักกับนายเอมี่ ครั้งแรก เมื่อ 12 ม.ค. นายเอมี่ หลอกว่ามาจากฮ่องกง มาขอเงินผู้เสียหายเพื่อเข้าพักโรงแรม จากนั้นได้ทำความรู้จักกัน นายเอมี่ นัดเจอผู้เสียหายหลายครั้ง หลอกผู้เสียหายไปรูดบัตรเครดิตซื้อทอง แล้วนำไปเปลี่ยนเป็นเงินสดจนสูญเงินกว่า 15 ล้านบาทนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่ามา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ และ พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยชมานนท์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดสืบสวนติดตามเร่งรัดจับกุม กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัว นายอุทัย หรือ เอมี่ (สาวประเภทสอง) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล เลขที่ 1158/67 ข้อหา “ฉ้อโกง  ได้แล้ว

สำหรับพฤติการณ์ของนายอุทัย เป็นบุคคลที่ชอบหลอกลวง โดยจะเลือกเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นหรือนักท่องเที่ยว ชักชวนพูดคุยกับผู้เสียหายว่าตนเองนั้นเดินทางมาจากประเทศฮ่องกง ออกอุบายว่าได้รับความเดือดร้อนต้องการขอความช่วยเหลือ ใช้มุขทำกระเป๋าเงินหล่นหายพร้อมกับเอกสารหนังสือเดินทางหายไปโดยขณะที่นั่งรถมาจากพัทยาจนกระทั่งมาถึงกรุงเทพฯ พบเจอกับผู้เสียหายเลยทำทีขอยืมเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้จ่ายเงินในการออกค่าทำหนังสือเดินทางไปให้ก่อนและจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หรือช่องทางการติดต่อของผู้เสียหายไว้ 

ต่อมา นายอุทัย ยังคงมีการติดต่อผู้เสียหายอยู่บ่อยครั้งพร้อมทั้งขอยืมเงินผู้เสียหายมาโดยตลอด ซึ่งมักจะอ้างเหตุผลต่างๆ นานา อาทิ ต้องการนำเงินไปปิดประกันภัยโดยเร่งด่วน  ต้องการนำเงินไปเป็นค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อโควิด- 19 ต้องนำเงินไปจ่ายค่าประกันภัยล่วงหน้า โดยใช้บทตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเรียกความสงสารเห็นใจ นอกจากนี้ยังหลอกผู้เสียหายว่า ทำงานโปรเจคให้กับบริษัทยาชื่อดัง โปรเจคมีปัญหาต้องใช้เงิน ต้องการให้ผู้เสียหายช่วยเรื่องเงิน โดยจะโอนคืนผู้เสียหายภายหลัง สุดท้ายอ้างว่าบัญชีถูกล็อก โปรเจคล่ม ผู้เสียหายทวงถามเงินคืนหลายครั้ง แต่ไม่ได้คืน ทำให้ผู้เสียหายตรวจสอบสื่อโซเชียลมีเดีย พบว่า นายเอมี่ มีประวัติถูกชาวต่างประเทศแฉ หลังก่อเหตุหลอกผู้เสียหายคนอื่น มากกว่า 10 ครั้ง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ

จากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์นายเอมี่ ตั้งแต่ปี 2011-2024 พบว่ามีชาวญี่ปุ่นถูกหลอก ทั้งหมด 73 คน มูลค่าความเสียหาย เกือบ 26 ล้านบาท รายละเอียด ดังนี้
 
- ปี 2011 ผู้เสียหาย 25 ราย มูลค่าความเสียหาย 942,000 บาท

- ปี 2012 ผู้เสียหาย 9 ราย มูลค่าความเสียหาย 2,166,000 บาท

- ปี 2014 ผู้เสียหาย 16 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,588,000 บาท

- ปี 2015 ผู้เสียหาย 2 ราย มูลค่าความเสียหาย 330,000 บาท 

- ปี 2018 ผู้เสียหาย 8 ราย มูลค่าความเสียหาย 307,000 บาท

- ปี 2020 ผู้เสียหาย 6 ราย มูลค่าความเสียหาย 293,000 บาท

- ปี 022 ผู้เสียหาย 3 ราย มูลค่าความเสียหาย 90,000 บาท

- ปี 2023 ผู้เสียหาย 1 ราย มูลค่าความเสียหาย 16,000,000 บาท

- ปี 2024 ผู้เสียหาย 3 ราย มูลค่าความเสียหาย 4,072,000