วันที่ 3 ส.ค.67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ, พ.ต.ท.หัตพร ทองคำ และ พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์ รอง ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุม นายกิติพร หรือทอม อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดพังงา ที่ 201/2565 ลง 8 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า หรือมี จำหน่าย ซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมที่ หน้าบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยอาวุธปืนที่เด็กวัยรุ่นใช้ก่อเหตุยิงคู่อริในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ดัดแปลงมาจากปืนแบลงค์กัน (Blank Gun) โดยสั่งซื้อมาจากผุ้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งมีการไลฟ์สดขายอาวุธปืนและโชว์รีวิวต่างๆ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าแหล่งผลิตอาวุธปืนดังกล่าวบ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 9 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และสิ่งเทียมอาวุธปืน จำนวนกว่าร้อยรายการ จึงได้ดำเนินการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเจ้าของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวคือ นายกิติพรฯ หรือทอม ซึ่งไหวตัวทันและได้หลบหนีออกไปก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจค้นได้ไม่นาน พนักงานสอบสวน สภ.ท้ายเหมือง จึงได้รวบรวมพยานหลักบานขออนุมัติสาลจังหวัดออกหมายจับผู้ต้องหานี้ไว้ตามข้างต้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนจนทราบว่า นายกิติพรฯ บุคคลตามหมายจับ ได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท้ายเหมือง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนได้ร่วมกับรุ่นพี่รายหนึ่งดัดแปลงปืนแบลงค์กัน เพื่อให้ใช้ยิงกระสุนจริงได้ และขายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งมียอดสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 300 กระบอก ต่อมาหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นห้องเช่าจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี และไม่ได้กลับไปขายอาวุธปืนอีกเลย