เรื่องราวปัญหาสังคมของสังคมผู้อายุเริ่มมีมากขึ้นในสังคม โดยเฉพาะเรื่องปัญหาด้านสุขภาพและการได้รับการดูแลในช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในชุมชนเมือง แต่ในชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ก็กำลังมีตัวเลขของผู้สูงวัยที่ไม่มีครอบครัวและถูกทอดทิ้งมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลวงพี่น้ำฝน ได้ขับเคลื่อนในช่วยประคับประคองและประสานการช่วยเหลือกับหน่วยงานและทีมจิตอาสาในพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม สะท้อนปัญหาสังคมผู้สูงวัยมีตัวเลขขยับตัวสูงขึ้น พร้อมจัดวัดไผ่ล้อมเป็นศูนย์ประสานการช่วยเหลือในสังคมอีกหนึ่งช่องทาง 

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากกลุ่มสระกระเทียมปันน้ำใจ ซึ่งเป็นการรวมตัวสมาชิกของประชาชนตำบลสระกระเทียม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ว่ามีหญิงชราซึ่งมีความพิการทางสายตา เดินไม่ได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยอย่างลำพังโดยไม่มีลูกหลานคอยดูแล และต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากเป็นที่น่าเวทยาของผู้ทราบปัญหาดังกล่าว 

เมื่อทราบข้อมูล หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จึงได้ลงสำรวจพื้นที่ ภายในบ้านเลขที่ 43/1 ม.8 ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านที่ นางสำอางค์ เทวฤทธิ์ หรือคุณยายห้อง อายุ 71 ปี ใช้ชีวิตอยู่บนเตียงไม้เพียงลำพัง โดยต้องใช้ผ้าขนหนูคลุมศรีษะเพื่อให้ปกปิดดวงตาไว้ เนื่องจากจะเกิดจากการสู้แสงไม่ได้ และยังไม่สามารถเดินได้เองต้องใช้เครื่องพยุงเดินไปอย่างทะลุลักทะเล และรอบบ้านได้นำผ้าห่มมาคลุมรอยแยกและที่หน้าต่างเอาไว้เพื่อไม่ให้แสงสว่างส่องเข้ามากระทบดวงตากมากเกินไป 

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้สอบถามเรื่องราวจากคุณยายห้องได้ความว่า เดิมทีที่ดินที่อาศัยอยู่เป็นบ้านของตัวเองที่ได้รับมรดกมาจากครอบครัวและได้ทำสวนในบ้านกับสามี โดยที่ไม่มีลูกกระทั่งเมื่อหลายสิบปีก่อนสามีได้เสียชีวิตไปก่อนจึงได้อาศัยลำพังมานาน ก่อนที่จะขายที่ดินไปโดยหลานได้ใช้เงินไปจนหมดแล้ว แต่เจ้าของที่ดินได้บอกทางวาจาว่าจะให้อาศัยไปจนตาย แต่ช่วงหลังประสบปัญหาทางด้านสายตาซ้ายมองไม่เห็นและแสบตามากหากโดนแสงสว่างและเคยประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยายนต์ ส่งผลให้สะโพกมีปัญหาและลามไปถึงนิ้วเท้าจนหงิกงอจนเดินไม่ได้ ทุกวันนี้ยาเกี่ยวกับความดัน ก็ขออาศัยคนเก่าที่มาเยี่ยมแบ่งให้กิน รวมถึงยาหยอดตาก็ขอจากคนที่เคยไปหาหมอตาโดยไม่เคยตรวจสุขภาพมานานมาก 

จากนั้นหลวงพี่น้ำฝน ประสานไปยังไปยังนายแพทย์สุรชัย โชคครรชิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐมและได้นำตัวคุณยายห้อง ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลนครปฐม พบว่าดวงตาซ้ายเป็นต้อกระจกต้องได้รับการผ่าตัดด่วนเนื่องจากเรื้อรังมานาน ทำให้ดวงตาเคืองทุกครั้งที่มีแสงส่องมากระทบ ส่วนที่ขาทั้ง 2 ข้างเดินไม่ได้เป็นความเรื้อรังจากอุบัติเหตุที่ส่งผลมาถึงไม่สามารถผาตัดแก้ไขได้เพราะล่วงเลยเวลามานานแล้ว และได้ประสาน รองนายก อบต.สระกระเทียม , ประธาน อสม.ตำบลสระกระเทียม ผู้นำชุมชน ให้เข้ามาช่วยกันทำความสะอาดบ้านเนื่องจากมีฝุ่นและสิ่งของหมักหมมมานาน และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยติดไฟและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าให้ใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้สะดวกมากกว่าเดิม 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า สำหรับกรณีของคุณยายสำอางค์ หรือคุณยายห้อง เป็นหนึ่งในปัญหาที่สังคมกำลังประสบเรื่องผู้สูงอายุ ไม่มีผู้ดูแล โดยปัญหาสุขภาพเป็นปัญหาหลักที่จำเป็นต้องมีการวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งในส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นคือการส่งตัวคุณยายห้องเข้ารับการผ่าตัดดวงตาก่อน แต่ปัญหาคือการกลับไปรักษาตัวที่บ้านจะต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลหลังผ่าตัดเนื่องจากต้องห้ามน้ำเข้าตาอย่างน้อย 2 เดือน แต่คุณยายมีความชราและมีความเผลอที่จะหยิบน้ำมาล้างหน้าทันทีที่มีอาการเคืองตา ในช่วงพักฟื้นเบื้องต้นอาตมาได้ให้นอนพักที่โรงพยาบาลและจัดจ้างคนมาเฝ้าดูแลให้ และนำตัวมานอนรักษาตัวที่วัดไผ่ล้อมจนกว่าอาการจะอยู่ในขั้นที่ยายห้อง สามารถที่จะดูแลตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปเป็นภาระของชุมชนและสังคม  

"นี่เป็นปัญหาที่อาตมาได้รับการประสานงานให้มาช่วยเหลือดูแลบ่อย ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงวัยหลายรายปัญหานี้จะต้องมีการร่วมมือร่วมใจกันระหว่างหน่วยงานรัฐและอีกส่วนคือผู้ใจบุญ โดยอาตมาและคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมก็จะทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและประสานงานให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาทำงานร่วมกันจึงจะผลักดันเรื่องเหล่านี้ไปได้ ซึ่งพระก็มีหน้าที่ในการทำงานด้านสาธารณสงเคราะห์ วัดไผ่ล้อมก็ทำหน้าที่ให้อย่างเต็มที่เพราะในสังคมยังมีปัญหาที่ญาติโยมเดือดร้อน ซึ่งอาตมายินดีทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้สังคมของเราอยู่ร่วมกันได้...ดังคำว่า พระไม่ทิ้งโยมนั่นเอง" หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย