ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเพิ่มแอดมินแก๊งปลอมเพจตำรวจCIB หลังแชทลวงผู้เสียหายเล่นพนันออนไลน์ อ้างเป็นวิธีติดตามเงินคืน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.,พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ฯ ปรก.บก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด, พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท., พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท.
ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา นายพงษ์ศิริ ฯ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4053/2566 13 พ.ย.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์ แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญาลักษณ์ของ กองบัญชาการสอบสวนกลาง รวมทั้งหน่วยงานอื่นในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีกทั้งยังพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads) ซึ่งเมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ที่มีการระบุไว้ในภายเว็บไซต์ กลุ่มคนร้ายจะสวมรอยเป็นแอดมิน พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้น จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลซึ่งอ้างตนว่าเป็นทนายความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยจะให้คำปรึกษา ชี้แนะ พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้ จากนั้นทนายความจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่าย IT (information technology) โดยฝ่าย IT จะอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ผู้เสียหายถูกโกงไป ได้ถูกนำไปฟอกในแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ต่างประเทศ (เว็บพนัน) พร้อมทั้งมีการทำแผนผังเส้นทางการเงินส่งให้ผู้เสียหายดู อีกทั้งยังแจ้งกับผู้เสียหายอีกว่า สามารถนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้ โดยใช้วิธีการแฮก (Hack) เว็บการพนันดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจะให้ผู้เสียหายทำการสมัครสมาชิกและโอนเงินไปที่เว็บพนันดังกล่าว จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายเล่นการพนันตามที่คนร้ายบอก เพื่อที่คนร้ายจะได้ทำการแฮกระบบ เอาเงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย หลังจากคนร้ายอ้างว่าได้ทำการแฮกระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎยอดเงินในบัญชีเว็บไซต์การพนันของผู้เสียหายเพิ่มขึ้น โดยคนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่ม เพื่อที่จะได้แฮกเงินคืนให้ได้มากกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดเมื่อผู้เสียหายจะถอนเงินออกมา จะไม่สามารถถอนได้ จากนั้นคนร้ายจะบล็อกช่องทางการติดต่อของผู้เสียหาย โดยพบว่าภายในระยะเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 14-15 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วย กก.สสน.บก.ปอท., บก.ป., บก.ปอศ., บก.ปคบ. บูรณาการร่วมกันตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา 8 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทุบรี, สมุทรสาคร, เชียงราย และสุราษฎร์ธานี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิเช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, เงินสด, รถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, และเครื่องประดับต่างๆ มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือน่าเชื่อว่าหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา และประเทศจีน
ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า นายพงษ์ศิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า อีกทั้งยังเป็นแอดมินพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ได้เดินกลับเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ และหลบหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านญาติ ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตการณ์และกดดันอย่างต่อเนื่อง จนผู้ต้องหาทนไม่ไหวตัดสินใจเดินทางเข้ามามอบตัวที่ กก.2 บก.ปอท.
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า เมื่อประมาณ เดือนสิงหาคม 2566 ผู้ต้องหาได้หางานทำในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมาได้พบข้อความประกาศชักชวนทำงานผ่านเฟซบุ๊ก ผู้ต้องหาจึงเกิดความสนใจ ทักแชทไปพูดคุยและตกลงจะไปทำงาน โดยมีการนัดหมายว่าจะมีคนมารับบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาถึงพบว่า มีชายชาวกัมพูชาพร้อมยานพาหนะรถตู้ ได้มารอรับผู้ต้องหา โดยมีคนไทยอีก 2 คน ที่จะไปทำงานเช่นเดียวกันขึ้นรถตู้ไปกับผู้ต้องหา จากนั้นชายชาวกัมพูชาดังกล่าวได้พาผู้ต้องหาและเพื่อนคนไทย นั่งโดยสารรถตู้ไป ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง เดินทางมาถึง จ.สวายเรียง ประเทศกัมพูชา (ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนประเทศเวียดนาม) ก่อนจะมีกลุ่มชายฉกรรจ์นำตัวผู้ต้องหาและเพื่อนคนไทยไปขังไว้ที่อาคารแห่งหนึ่ง มีการยึดอุปกรณ์สื่อสารและหนังสือเดินทางไว้ จากนั้นบังคับให้ผู้ต้องหาเปิดบัญชีธนาคารผ่านทางช่องทางออนไลน์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ และได้บังคับให้ผู้ต้องหาทำงานเป็นแอดมินตอบแชทชักชวนผู้เสียหายรายต่างๆลงทุนในหุ้น อาทิเช่น หลอกลงทุนหุ้นทองคำ, น้ำมัน, ปตท., ซีพี ออลล์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการหลอกลวงในลักษณะเป็นแอพพลิเคชั่นให้กู้เงินอีกด้วย โดยมีคนไทยทำงานในลักษณะดังกล่าวกว่า 50 คน (จัดเป็นทีมละ 3 คน แบ่งหน้าที่กันทำ คือ
1. ทำหน้าที่ยิงแอดโฆษณา และตอบแชทเฟซบุ๊ก
2. ทำหน้าที่เป็นแอดมิน คุยแชทไลน์หลอกลวงผู้เสียหายให้หลงเชื่อว่าเป็น LINE Official จริง และมีการลงทุนในหุ้นหรือมีการให้กู้เงินจริง
3. ทำหน้าที่ปลอมเป็นโบรกเกอร์ หรือนักชวนลงทุน (คนเชือด) พูดคุยหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมาลงทุน
โดยผู้ต้องหาได้รับค่าจ้างเดือนละ 18,000 บาท โดยทำงานได้ประมาณ 2 เดือน จากนั้นผู้ต้องหาได้ถูกขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกกลุ่มหนึ่ง โดยยังทำหน้าที่เป็นแอดมินคุยแชทไลน์หลอกลวงผู้เสียหายเช่นเดิม แต่ทำงานได้เพียง 3 เดือน คอลเซ็นเตอร์กลุ่มดังกล่าวได้ปิดตัวลง ผู้ต้องหาและคนงานอื่นๆถูกปล่อยลอยแพทั้งหมด จากนั้นผู้ต้องหาได้มาหาทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บริเวณฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยทำหน้าที่เป็นแอดมินคุยแชทไลน์หลอกลวงผู้เสียหายเช่นเดิม และยังทำหน้าที่เกี่ยวกับยิงแอดโฆษณาเฟซบุ๊ก แต่ทำงานที่ดังกล่าวได้เพียง 1 เดือน ผู้ต้องหาเกิดอาการป่วยหนัก จึงเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย
#ตำรวจCIB #เพจปลอม #ข่าววันนี้ #พนันออนไลน์