เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ ได้เป็นปฺฏิบัติการ 5 วัน ในการปิดล้อมบริเวณพื้นที่บ้านคลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังจากเมื่อวันที่ 27 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานจากสายข่าวว่าพบความเคลื่อนไหว้ของกลุ่มก่อความไม่สงบหลบซ่อนตัวเตรียมที่จะก่อเหตุในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าบังขับใช้กฎหมาย ระหว่างเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ ปรากฏว่าคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธสงครามถล่มและปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ จนเกิดกระปะทะกัน หลังเสียงปืนสงบลง เป็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดสาหัส 3 นาย โดย 1 นายอาการสาหัสและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เวลา 04.20 น. ที่ผ่านมา ทราบชื่อ จ.ส.อ.ธนศักดิ์ บัวขาว สังกัด บก.ควบคุม4  ส่วนอีก 2 นายยังคงพักรักษาตัวที่ รพ.มอ.หาดใหญ่

โดยเจ้าหน้าที่ยังคงปิดล้อมตรวจค้นและกระชับพื้นที่ป่าโดยรอบ และยังมีการปะทะกันเป็นระยะ ๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการจากเบาไปหนัก โดยมีความพยายามในการเจรจาได้เชิญผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่นรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ให้คนร้ายออกมามอบตัว เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นผล คนร้ายยังคงมีการยิงโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าทีปฏิบัติการด้วยความระมัดระวังในการกระชับพื้นที่โอมล้อมอย่างเข้มข้น แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง และเป็นป่าทึบและเป็นป่ายาง อีกทั้งคนร้ายมีความสำนาญการพื้นที่เป็นอย่างมาก ทำให้การปฏิบัติพื้นที่ปิดล้มเป็นไปอย่ายากลำบาก โดยสถานการณ์ยื้อจนถึงวันที่ 28 ก.ค. ก็ยังไร้วีแววของคนร้าย

 

จนวันที่ 29 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้เข้ากระชับพื้นที่ ร่วมถึงได้ใช้รถแม็คโครมาถางป่าออก เพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ง่าย จนไปพบกับรองเท้า และกระเป๋า จำนวน 3 ใบ จึงเชื่อได้ว่าคนร้ายยังคงหลบซ่อนตัวที่ใดที่หนึ่งในป่าทึบ โดยเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อม พร้อมทั้งใช้โดรน และ เฮลีคอปเตอร์ในการตรวจสแกนพื้นที่อย่างเข้มงวด และใช้กล้องตรวจจับความร้อน ร่วมไปถึงกล้องส่องกลางคืนในการค้นหาคนร้ายอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 31 ก.ค. เจ้าหน้าที่ได้เปิดแผน “ยุทธการบ้านคลองช้าง”ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามโอบล้อมเพื่อกระชับพื้นที่เพื่อหวังกดดันให้คนร้ายยอมมอบตัว ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ได้เห็นคนร้าย 2- 3 คนวิ่งหลบหนี จึงได้ตะโกนให้หยุดและมอบตัว แต่คนร้ายกลับใช้อาวุธปืนระดมยิงใส่เจ้าหน้าที่พร้อมปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด แต่ด้วยสภาพแวดล้อมภายในเป็นป่าและมืดทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในตอบโต้ คนร้ายยังคงไม่ยอมมอบตัวจนมีการยิงปะทะเป็นระยะหลายชั่วโมงจนกระทั่งเสียงปืนสงบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังคงไม่สามารถเข้าไปเคลียพื้นที่ได้เนื่องจากเกรงว่าคนร้ายยังซ่อนตัวและอาจจะยิงใส่เจ้าหน้าที่

กระทั่งเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ส.ค. สถานการณ์หลังจากการยิงปะทะกันได้ยุติลง ชุดปฏิบัติการณ์ร่วมจึงได้ทำการกระชับพื้นที่โอบล้มอย่างระมัดระวัง ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้วิทยุสั่งการให้ระวังตัวหากสามารถยุติและไม่มีความสูญเสียก็ให้คนร้ายมอบตัววางอาวุธและจับกุมตัวเพื่อลดความสูญเสีย แต่ปรากฏว่า ขณะที่ตรวจสอบจุดปะทะนั้น พบคนร้ายนอนเสียชีวิต 3 ราย ในสภาพถูกยิงทั้ง 3 ศพสวมชุดดำคลายทหารพราน พร้อมยึดอาวุธปืน จำนวน 4 กระบอก ประกอบด้วย เอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 2 กระบอกและยึดเป้สนามพร้อมอุปกรณ์จำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ทราบศพทั้ง 3 พบว่าน่าจะเสียชีวิตประมาณ 4 ชั่วโมงเนื่องจากสภาพศพยังไม่แข็งตัว จากการตรวจสอบศพทั้ง 3 ราย คือ นายรอบี แวสะมะแอ มีหมายจับคดีความมั่นคง 2 หมาย  นายอิสมาแอ จาเละ มีหมายจับคดีความมั่นคง 3 หมาย และนายต่วนอาเดล ต่วนฮาซิน  ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงรีบนำร่างทั้งสามส่งไปชันสูจน์พลิกศพที่ รพ.โคกโพธิ์

จากการตรวจสอบบริเวณป่าจุดปะทะในรัศมี 500 เมตร เจ้าหน้าที่พบที่พักพิงพร้อมข้าวของเครื่องใช้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี และชุดสุนัขทหารหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย เข้าตรวจสอบ เนื่องจากเกรงว่าจะมีการวางระเบิดดักไว้บริเวณที่พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 จุดที่ตรวจพบ

โดยจุดที่ 1 เป็นลักษณะป้อมเล็กๆ สำหรับเข้าเวรยาม มีเสบียงอาหารและของใช้ส่วนตัว รวมถึงพบบ่อน้ำเล็กๆ สำหรับดื่มกิน จุดที่ 2 เป็นที่พักชั่วคราว มีสภาพเก่า ไม่มีการใช้งานมานาน เจ้าหน้าที่ยังได้พบถุงพลาสติกที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษคล้ายโลโก้ USAID (United States Agency for International Development) หรือ องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระของรัฐบาลกลางสหรัฐ รับผิดชอบการให้การสนับสนุนระหว่างประเทศ พลเรือน และความช่วยเหลือด้านการพัฒนาเป็นหลัก ทำให้หลายฝ่ายเกิดการความสงสัยว่า เหตุใดถุงดังกล่าวจึงมาโผล่อยู่ปะปนกับข้าวของในที่พักพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพราะปกติถุงพลาสติกที่มีข้อความของหน่วยงานดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นถุงที่แจกให้กลุ่มผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยองค์กรนี้ ไม่ได้มีการแจกสุ่มสี่สุ่มห้าแต่อย่างใด ซึ่งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าดำเนินการรวบรวมวัตถุพยาน และหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังเหตุการณ์ปะทะจนพบว่าคนร้ายที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่จนถูกวิสามัญเสียชีวิต 3 รายนั้น และได้เปิดเผยว่า การปฏิบัติการณ์และการบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้ ตลอด 5 วันเราพยายามที่จะใช้การเจรจาเป็นหลักซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำเป็นพิเศษเพื่อต้องการใช้การปฏิบัติจากเบาไปหาหนักแต่ก็ย้ำเรื่องของความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามพยายามใช้อาวุธช่วงการปฏิบัติทางเจ้าหน้าที่ก็คงต้องตอบโต้เพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งเมื่อคืนจนถึงเช้าสถานการณ์ยุติลงและไม่พบว่าฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ยุทธวิธีในการเข้ากระชับพื้นที่ดังกล่าว ปรากฏว่าพบคนร้ายเสียชีวิต 3 ราย ซี่งภายหลังการปฏิบัติตนก็ยังคงกำชับชุดปฏิบัติการณ์ให้มีการเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยความระมัดระวัง เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะมีอีกหลายคนและกำลังพยายามหลบซ่อนตัวและหาจังหวะหลบหนี สำหรับกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ถือเป็นชุดปฏิบัติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่หลายคดี ซึ่งขณะนี้ได้เร่งตรวจสอบว่าบุคคลทั้งสามเป็นใคร รวมไปถึงผู้ต้องสงสัยที่ยังหลบหนี โดยเฉพาะอาวุธปืน 4 กระบอกที่ยึดได้จากศพทั้งสามได้เร่งตรวจสอบว่าอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอกเคยไปก่อเหตุใดมาบ้างและสามารถเชื่อโยงได้ว่าทั้ง 3 รายและอาวุธปืนมีความเชื่อมโยงกับคดีใดบ้าง ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการณ์อย่างต่อเนื่องและได้ย้ำไปยังทุกพื้นที่ให้เฝ้าระวังวางมาตราการณ์คุมเข้มป้องกันเหตุตอบโต้ของกลุ่มก่อความไม่สงบ

#siamrath #สยามรัฐ #siamrathonline #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้ #ปะทะเดือด #ยุทธการบ้านคลองช้าง #วิสามัญโจรใต้ #ปัตตานี