‘นายกฯ’ยอมรับลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’วันแรกขลุกขลัก ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ ยังมีเวลา 45 วัน แจงปมย้ายทะเบียนบ้านทำได้ เพื่อสะดวกใช้จ่าย แต่อยากให้ใช้ในพื้นที่บ้านเกิดมากกว่า “โฆษกรบ.”เผยลงทะเบียนครึ่งวันแรกยอดทะลุกว่า 7 ล้านราย ยืนยันระบบแอป”ทางรัฐ”ไม่ล่ม ด้าน “จุลพันธ์”ย้ำแลกเงินสดเป็นเรื่องไม่ฉลาด หากพบเจอฟันคดีอาญา
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ส.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดรับลงทะเบียนแอป ‘ทางรัฐ’ ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต วันแรก ซึ่งประชาชนแห่ลงทะเบียนจนระบบล่มชั่วคราว ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดูแล เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีการพบปะและพูดคุยกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กันจนดึกในเรื่องนี้ โดยได้กำชับให้ดูแลเรื่องระบบให้ดี และพยายามสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบว่าโครงการดังกล่าวเปิดแล้ว และเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ตนก็ได้มีการโพสต์ข้อความสื่อสารให้ประชาชนใจเย็นๆ ทยอยลงทะเบียน แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่วันแรกจะมีความขรุขระบ้าง แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีประชาชนจะย้ายทะเบียนบ้านเพื่อสะดวกในการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะช่วยกระจายรายให้ทั่วถึงได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำได้ ส่วนตัวอยากให้คนที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ เช่น จ.หนองบัวลำภูได้ไปใช้จ่ายที่จ.หนองบัวลำภูดีกว่า เพราะโครงการนี้ออกแบบมาให้เป็นแบบนั้น ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะมากระจุกตัวใช้ในเมืองใหญ่ๆ อย่างเมืองที่มีแหล่งแรงงานสูง เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับความเจริญอยู่แล้ว และจุดประสงค์ของโครงการดิจิทัลวอลเลต คือจะกระจายความเจริญไปสู่ทุกๆภูมิภาค
นายเศรษฐา ยังกล่าวขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ ปี 2567 จำนวนเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเลต และจากนี้ไปก็จะพยายามทำงานต่อไปเรื่อยๆ หากใครมีคำถามหรือข้อสงสัยก็ต้องชี้แจงกันไป
ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แถลงถึงการเปิดลงทะเบียนเงินดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชั่น ‘ทางรัฐ’ วันแรก ว่า เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นมา ซึ่งข้อมูล ณ เวลา 09.00 น มีประชาชนขอรับสิทธิ์และผ่านกระบวนการแล้ว 2.3 ล้านคน และแน่นอนว่าเป็นเรื่องปกติที่ในช่วงต้นจะมีคนเข้าใช้บริการเยอะ อาจจะมีอะไรขลุกขลักบ้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างคลี่คลายแล้ว และแก้ไขไปตามจุด
สำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาระบบที่ค้างหรือช้าคือเมื่อมีคนเข้าไปใช้บริการเยอะระบบก็จะรอคิวนาน แต่หากค้างแล้วรู้สึกว่านานเกินไปก็แนะนำให้ลบแอปพลิเคชั่นออกก่อนแล้วค่อยโหลดใหม่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีคนเข้ามาใช้บริการเรื่อยๆ และคาดว่าวันนี้จะมีคนเข้าใช้บริการไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างพอใจ
ขณะนี้เป็นช่วงเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนถึงวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งก็ถือว่ายังมีช่วงเวลาที่สามารถดำเนินการได้ และหลังจากนี้เมื่อคนกระจายตัวลงทะเบียนกันในแต่ละช่วงเวลาแล้ว ตัวโหลดของแอปพลิเคชั่นก็จะดีขึ้น และจะรองรับได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้หากพบเจอปัญหาสามารถติดต่อศูนย์บริการ ศูนย์ไอทีของชุมชนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทั่วประเทศ หรือเบอร์โทร 1111 อย่างไรก็ตาม เราได้มีการตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามปัญหาของประชาชนที่กระทรวงการคลัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่อาจจะมีการเปิดรับแลกเงินสดนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ เพราะเงินยังไม่ถึง ตอนนี้ยังแลกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นจริง เราก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งมูลค่าเงินหนึ่งหมื่นบาทในดิจิทัลวอลเล็ตมีมูลค่าเท่ากับเงินหนึ่งหมื่นบาทที่เราถือ
”การไปแลกแล้วลด ถือเป็นเรื่องที่ขาดทุน ไม่ควรทำอยู่แล้ว ไม่ฉลาด ซึ่งการตรวจสอบของเรานั้น ในระบบจะถูกบันทึกไว้และสามารถตรวจสอบได้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจริงและถูกตรวจสอบพบก็จะต้องมีการดำเนินคดีอาญา จึงขอเตือนด้วยความหวังดี“ นายจุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีฝ่ายค้านยก 4 เหตุผลมาขอปรับลดประมาณเพิ่มเติมปี 2567 ที่จะใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลจะมีอะไรชี้แจงเพิ่มเติมหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ชี้แจงไปหมดแล้ว ซึ่งทั้งหมดเป็นกระบวนการที่รอบคอบจากหน่วยงาน หลายหน่วยงาน และมีการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนข้อห่วงใยก็สามารถมีได้ในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องของเม็ดเงิน อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
สำหรัลในมิติที่บอกว่าเราใช้นโยบายทางการคลังมากระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ก็เป็นห่วงความยืดหยุ่น ของนโยบายทางการคลัง แต่ในข้อเท็จจริงคือ นโยบายทางการคลังมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่ท่านคิด สามารถรองรับกรณีใดๆ ในการบริหารจัดการราชการแผ่นดินได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ไม่มีความเสี่ยง และไม่ได้อยู่ในจุดที่น่าห่วง
“เราจะใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้เพื่อทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมเกิดประโยชน์กับประชาชนทั่วประเทศ หรือจะรอให้เกิดวิกฤตก่อน แล้วใช้พื้นที่ทางการคลังที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น วันนี้รัฐบาลเลือกที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้” นายจุลพันธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการย้ายทะเบียนบ้าน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลไกการย้ายทะเบียนบ้านเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยประชาชนอยู่แล้ว หากต้องการใช้เงินในพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ที่ไม่ใช่บ้านเกิด ซึ่งโครงการนี้คร่อมระยะเวลาเป็น 6 เดือน ก็สามารถย้ายทะเบียนบ้านได้ แต่โครงการนี้เราจะล็อกวันที่ลงทะเบียน นั่นคือทะเบียนบ้านที่ท่านบันทึกไว้สำหรับการใช้เงินในโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการอนุโลมไม่ว่ากรณีใดๆ เมื่อถามย้ำว่า หากย้ายทะเบียนบ้านจะผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ ในข้อเท็จจริงหากคนตัดสินใจเช่นนั้น ท่านเป็นประชากรแฝงอยู่ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และไม่คิดว่าคนทุกคนจะย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ หมด
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดระบบ โดยล่าสุด มียอดลงทะเบียนเมื่อเวลาประมาณ 12.15น. สำเร็จกว่า 7 ล้านราย พร้อมยืนยันระบบแอปฯ ไม่ล่ม ประชาชนทุกคนตามคุณสมบัติจะได้รับสิทธิแน่นอน จึงขอให้ประชาชนทยอยลงทะเบียนได้ถึง 45 วัน ตั้งแต่วันนี้ – 15 ก.ย.67 ซึ่งในช่วงของการเปิดระบบวันแรก อาจพบปัญหาบ้าง จากจำนวนผู้ใช้เข้างานจำนวนมากในเวลาเดียวกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง ส่วนกรณีผู้ที่ยังไม่สามารถเข้าใช้งานแอปฯ ได้ หรือยังใช้งานแอปฯ ในเวอร์ชันเก่า ขอให้ทำการลบแอปฯ และดาวน์โหลดเวอร์ชันล่าสุด (Version 3.0.0) อีกครั้ง
โดยนายกฯกำชับถึงการดูแลระบบและติดตามผลการลงทะเบียนโครงการฯ ให้อำนวยความสะดวก ให้แก่ประชาชนให้มากที่สุด ต้องพร้อมรองรับการแก้ปัญหาแบบ case by case เช่น กรณีการอัปเดตแอปฯ “ทางรัฐ” และพบปัญหาการเข้าล็อกอินใหม่ กรณีการเข้าล็อกอิน แล้ว แต่ยังเข้าใช้งานบางบริการภายในแอปฯ ไม่ได้ รวมไปถึง กรณีที่ผู้เข้าใช้งานเดิมที่ได้ตรวจสอบตัวตนผ่านแล้ว (KYC) ตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 ส.ค.67 แต่พบปัญหาการกดรับสิทธิผ่านแอปฯ เวอร์ชันใหม่
อย่างไรก็ตามหากประชาชนต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาลไทย และสอบถาม ปรึกษาการใช้งานต่าง ๆ ได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูล โทรสายด่วน. Digital Wallet 1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง ของรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงกรณี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ด้อยค่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ไม่แปลกใจที่นายจุรินทร์ออกมาสร้างวาทกรรมด้อยค่าโครงการเรือธงของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล วันที่1ส.ค. เริ่มให้ประชาชนลงทะเบียน เห็นได้ชัดว่าประชาชนมีความตื่นตัวเข้ามาลงทะเบียน ในวันแรกเป็นจำนวนมากคือเสียงตอบรับจากประชาชน มักจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายจุรินทร์คิด เงินดิจิทัลวอลเล็ตที่รัฐบาลจะแจกที่นายจุรินทร์ด้อยค่าว่าเป็นแค่เงินยาไส้ชั่วคราว
สำหรับคนจน คนที่เขาขาดโอกาส ตนมองว่าสำคัญ เงินเหล่านั้นอาจจะไม่ถูกใช้แค่เพียงการยาไส้เท่านั้น อาจเป็นเงินที่เขาจะเอาไว้ใช้ในการลงทุน ซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาชีพ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ นายจุรินทร์เคยคิดเห็นบ้างหรือเปล่า นายจุรินทร์มีเงินเดือนเป็นแสนๆ คงไม่เดือดร้อน วันนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน ลำบากยากจน เงินขาดมือ ขาดสภาพคล่อง เป็นหนี้เป็นสิน ปัญหาเหล่านี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหากันอยู่ การผลักดันนโยบายเร่งด่วนเพื่อจะฟื้นเศรษฐกิจ อย่างโครงการเงินดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในนั้น หากสำเร็จเศรษฐกิจก็จะกลับมาฟื้นตัว จะดีขึ้น จีดีพีจะโต สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ
"การออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยของนายจุรินทร์เป็นมุกเดิมๆ ดีแต่ค้าน ไม่ได้สร้างสรรค์อะไร เพียงหวังผลเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำและหวังผลทางการเมืองก็เท่านั้น ไม่อยากให้คนที่ได้เห็นได้อ่านให้ราคากับสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพราะหลักคิดแบบนี้ ที่ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ที่เคยมี สส.เป็นหลัก100 ตอนนี้เหลือ 20 กว่า อนาคตคงเหลือหลัก10 เพราะท่านมักคิดอะไรที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนไม่เป็นศูนย์กลาง ไม่เคยเข้าใจความทุกข์ยากของประชาชน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว