นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า กว่า 34 ปีที่ผ่านมา AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างด้านดิจิทัลเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์ดิจิทัลที่ดียิ่งกว่า ควบคู่ไปกับการนำศักยภาพโครงข่ายมาผสมผสานผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเข้าเชื่อมต่อและสนับสนุนการทำงานกับองค์กร ทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้สามารถทำดิจิทัลทรานสฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการเพิ่มศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในสร้างการเติบโต ที่จะนำไปสู่การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน
โดยเฉพาะความสามารถของเทคโนโลยีคลาวด์ ที่ปัจจุบันเข้ามามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขององค์กร ทำให้วันนี้เราได้ทำงานกับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านคลาวด์ระดับโลกอย่าง Oracle ที่จะทำให้ประเทศไทยมีบริการระดับ Hyperscale Cloud เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกผ่านบริการ AIS Cloud บน AIS Data Center ที่จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กรดังกล่าวให้มีศักยภาพพร้อมรับมือทุกโอกาส ความท้าทาย และการแข่งขัน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน ดึงดูดนักลงทุน และติดสปีดเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยให้มีแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
การ์เร็ตต์ อิลจ์ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า การมอบตัวเลือกที่หลากหลายให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเราเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือ Oracle Alloy กับ AIS จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมของประเทศช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้ AIS กลายเป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud สามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น พร้อมทั้งนำเสนอ Sovereign Cloud และความสามารถด้าน AI ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศ ภายข้อกำหนดด้านกฎหมายด้านมาตรฐานการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ AIS สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยประสบการณ์ของ AIS ที่เป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัลในไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดภายในประเทศ ทำให้ AIS สามารถส่งมอบบริการที่เหมาะสมต่อลูกค้าแต่ละรายที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
นางสาวแดฟนี่ ชุง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริการคลาวด์และซอฟต์แวร์ IDC เอเชีย/แปซิฟิก กล่าวว่า IDC คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายด้าน Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 31.5% ต่อปี (31.5% CAGR) สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) จากการสำรวจด้านคลาวด์ในพื้นที่เอเซียแปซิฟิค (ไม่รวมญี่ปุ่น) แสดงให้เห็นถึง 19% ขององค์กรในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการคาดการณ์การใช้จ่ายสำหรับ Sovereign Cloud จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์คลาวด์แบบผสมผสาน (Hybrid Cloud) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยหน่วยงานกำกับดูแลและกฎระเบียบ รวมทั้งความต้องการที่จะทำให้กระบวนการทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ระบบคลาวด์แบบกระจายของ Oracle มอบประโยชน์ของคลาวด์พร้อมการควบคุมและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
• คลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) : ภูมิภาคคลาวด์สาธารณะขนาดใหญ่สามารถให้บริการแก่องค์กรทุกขนาด รวมถึงองค์กรที่ต้องการการควบคุมความเป็นส่วนตัวในสหภาพยุโรปอย่างเข้มงวด ดูรายการภูมิภาคทั้งหมดได้ที่ https://www.oracle.com/emea/cloud/public-cloud-regions/
• คลาวด์เฉพาะ (Dedicated Cloud) : ลูกค้าสามารถใช้งานบริการคลาวด์ของ OCI ทั้งหมดในศูนย์ข้อมูลของตนเองด้วย OCI Dedicated Region ขณะที่พันธมิตรสามารถขายต่อบริการคลาวด์ของ OCI และปรับแต่งประสบการณ์ด้วย Oracle Alloy ผลิตภัณฑ์เหล่านี้แต่ละรายการให้บริการคลาวด์และ AI ที่ครบถ้วนซึ่งลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็น Sovereign Cloud ได้
• ไฮบริดคลาวด์ (Hybrid Cloud) : OCI ให้บริการคลาวด์หลักในสถานที่ของลูกค้าผ่าน Oracle Exadata Cloud@Customer และ Compute Cloud@Customer และกำลังจัดการการปรับใช้งานในกว่า 60 ประเทศแล้ว
• มัลติคลาวด์ (Multi Cloud) : ตัวเลือกต่างๆ รวมถึง Oracle Database@Azure, HeatWave MySQL บน AWS และ Microsoft Azure, Oracle Interconnect สำหรับ Microsoft Azure และ Oracle Interconnect สำหรับ Google Cloud ช่วยให้ลูกค้าสามารถรวมความสามารถหลักจากคลาวด์ต่างๆ ได้