"MAGURO" ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดเกมส์รุก จัดหนักครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง เปิด 2 แบรนด์ใหม่ และ 11 ร้านใหม่ ล่าสุดเตรียมเจาะย่านกรุงเทพกรีฑา ทำเลทองบ้านหรูสุดฮ็อตโดยเปิด 2 ร้านพร้อมกันทั้ง มากุโระ และ ฮิโตริชาบู หลังเพิ่งเปิดตัวร้านสุกียากี้ “HITORI SUKIYAKI” สาขาแรกไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม พร้อมกระจายฐานลูกค้าครอบคลุมหลากหลาย กลุ่ม ตอกย้ำปรัชญา ‘การให้มากกว่าที่ขอ’ หรือ ‘Give More Culture’ หวังดันรายได้ปีนี้โต 30%
คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม-แมส เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรก บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามเป้าหมาย และขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เปิดร้านใหม่ทั้งหมด 2 ร้าน ปัจจุบัน “มากุโระ กรุ๊ป” ดำเนินกิจการร้านอาหาร รวมทั้งหมด 31 ร้าน คือ MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์ระดับพรีเมียม 16 ร้าน SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม 6 ร้าน และ HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกียากี้ หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 8 ร้าน และแบรนด์ใหม่ล่าสุด HITORI SUKIYAKI ร้านสุกียากี้คันไซแบบดั้งเดิมใน รูปแบบ Authentic Japanese Sukiyaki Course ซึ่งเปิดสาขาแรกที่เอกมัย 12 ไป เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
สำหรับในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุก เดินหน้าขยายกิจการ ด้วยการเปิด 11 ร้านใหม่ ใน ครึ่งปีหลัง ทำให้ปีนี้เราจะเปิดร้านใหม่ทั้งหมด 13 ร้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับพรีเมียม และ พรีเมียม-แมส ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้สิ้นปีนี้ Maguro จะมีเครือข่ายทั้งหมด 38 ร้าน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แผนการขยายธุรกิจเชิงรุก ด้วยการเปิด 13 ร้านใหม่ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 11 ร้าน รวมถึงการเปิดแบรนด์ใหม่อย่างน้อย 2 แบรนด์ คือ HITORI SUKIYAKI และแบรนด์ใหม่ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 4 นี้จะสร้างรายได้รวมของบริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย 30% ในปีนี้”
คุณจักรกฤติ สายสมบูรณ์ กรรมการบริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ล่าสุด MAGURO เตรียมเจาะฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงย่านกรุงเทพกรีฑา ทำเลทองบ้านหรู สุดฮ็อต โดยเปิด 2 ร้านพร้อมกันทั้ง มากุโระ และ ฮิโตริ ชาบู เพื่อรองรับลูกค้าในย่านนี้ ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีโครงการบ้านเดี่ยวราคาสูงและค่อนข้างสูงจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัท ที่ให้ความสำคัญกับการทานอาหารระดับพรีเมียม
นอกเหนือจากกลยุทธ์ขยายสาขาแล้ว ทางบริษัทได้มีการใช้ Data จากระบบ CRM หรือระบบ Customer Relation Management เพื่อจับ พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบัน พบว่าลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านในเครือ MAGURO ในทุก ๆ แบรนด์ มีความหลากหลายทั้งด้านอายุ อาชีพ รวมถึงผู้ร่วมรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยกลุ่มขนาดเล็ก คือ 2-3 ท่าน ไปจนถึงกลุ่มขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนฝูง ทำให้บริษัทฯ ปรับวางกลยุทธ์เพิ่มเติมในส่วนของเมนูอาหารที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงขนาดของเซ็ตอาหารที่แต่เดิมจะเน้นเป็นเซ็ตเมนูขนาดใหญ่ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาในรูปแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนขนาดใหญ่ ก็จะมีการเพิ่มเซ็ตเมนูขนาดเล็ก-กลางเข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าที่มาทานคนเดียว หรือมาเป็นคู่ อาทิเช่นเมนู Lady’s Salmon ซาชิมิแซลมอน 5 ชิ้น ขนาดพอดีคำ และ Perfect Portion Salmon ซาชิมิแซลมอนขนาดใหญ่เต็มคำในปริมาณ 4 ชิ้น เพื่อส่งมอบความพรีเมียมให้เข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในทุก ๆ เมนูยังคงส่งมอบความ ‘Give More Culture’ หรือ การให้มากกว่าที่ขอ’ เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง” คุณจักรกฤติกล่าวสรุป