วันที่ 31 ก.ค.2567 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งที่มีหัวใจคือประชาชน ขอชื่นชมรัฐมนตรีช่วยฯ ที่หยิบยกมติดังกล่าวขึ้น สาระสำคัญคือการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายเหลืออัตรา 17% ของเงินได้ เพื่อดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมตา มเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ ให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ นโยบายกระตุ้นมันสมองของประเทศลักษณะนี้ ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นแค่ในประเทศไทย แต่เป็นแนวทางที่หลายๆประเทศเคยดำเนินการมาก่อน เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และสหภาพยุโรป เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทรัพยากรมนุษย์ของชาติ กลับมาถ่ายทอดองค์ความรู้ภายในประเทศ
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า อาจมีคนบางกลุ่มมองว่าเป็นแนวทางที่เพ้อฝัน เพราะคนไทยระดับหัวกะทิมีศักยภาพสูงและทำงานในต่างได้รับผลตอบแทนสูง มีชีวิตที่ดีจะอยากกลับมาทำงานในเมืองไทยทำไม ตนอยากชวนให้มองมุมกลับว่า ด้วยขีดความสามารถของคนไทยเหล่านั้น การที่รัฐบาลพยายามสร้างมาตรการจูงใจในการลดหย่อนภาษีรายได้ เป็นแค่บันไดเบื้องต้น เพราะหากเกิดการจ้างงานจริง คนหัวกะทิกลุ่มนี้ย่อมสามารถได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมอยู่แล้ว อยากให้มองมอง กลุ่มคนหัวกะทิกลุ่มนี้ไม่ได้มองว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญเท่านั้น หลายคนมีความรุู้ ประสบการณ์มากมาย อยากกลับมาประเทศเพื่อใช้ความรู้ความสามารถ ที่มีถ่ายทอดขับเคลื่อนประเทศตามความเชี่ยวชาญของตนเอง เพื่อให้ประเทศไทยพัฒนา
“ดิฉันเชื่อมั่นในศักยภาพและความผูกพันของคนไทยที่มีต่อประเทศของเรา ความพยายามด้อยค่านโยบายนี้ เท่ากับดูถูกคนเก่ง บางครั้งเงินไม่ใช่ปัจจัยสูงสุด แต่การได้ทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ อาจเป็นคำตอบ ดังนั้น เมื่อมีนโยบายที่ดีเพื่อประชาชน จึงขอให้ช่วยกันคิดและเล็งเห็นในผลประโยชน์ที่จะได้รับ ดีกว่าจ้องแต่จะด้อยค่ารัฐบาล” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว