กรมบังคับคดีร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง ลงนามในสัญญาให้บริการโครงการติดตั้ง และบำรุงรักษาอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกในพื้นที่กรมบังคับคดี
วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 กรมบังคับคดีและการไฟฟ้านครหลวง ร่วมลงนามในสัญญาให้บริการโครงการติดตั้งและบำรุงรักษาอุปกรณ์ประหยัดพลังงานในระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกในพื้นที่กรมบังคับคดี โดยมีนายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี นายนพดล ดำวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการและคุณภาพไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง เป็นผู้ลงนาม ซึ่งมีคณะผู้บริหารกรมบังคับคดี และผู้บริหารการไฟฟ้านครหลวง เข้าร่วมในพิธีลงนาม
ในสัญญาดังกล่าว ณ ห้องประชุมคชสาร 2 ชั้น 3 อาคารกรมบังคับคดี
นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีของกรมบังคับคดีที่จะได้มีส่วนร่วมในการใช้พลังงานทางเลือกทดแทนด้วยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา(Solar Rooftop) ในพื้นที่กรมบังคับคดีในส่วนกลาง เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และที่สำคัญเป็นการดำเนินการตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่ให้หน่วยงานราชการลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 20 เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการไฟฟ้า ตลอดจนเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นองค์กรต้นแบบในการลดการใช้พลังงาน รวมถึงการต่อยอดในอนาคตที่จะใช้พลังงานทดแทนดังกล่าวในหน่วยงานของกรมบังคับคดีทั่วประเทศต่อไป
นายนพดล ดำวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบริการและคุณภาพไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA เปิดเผยว่า ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐด้านพลังงานหมุนเวียน พร้อมให้ความร่วมมือทุกภาคส่วนส่งเสริมดำเนินนโยบายภาครัฐ โดย MEA มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับ กรมบังคับคดี ในครั้งนี้ โดยให้บริการติดตั้ง Solar Rooftop ขนาด 500.96 kWp จะทำให้ลดการใช้พลังงานจากฟอลซิลประมาณ 674.74 MWh/ปี ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 0.47 ล้านบาท/ปี และคาดว่าจะลดการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 281.94 tonCo2/ปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้สักประมาณ 16,019.16 ต้น/ปี
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นไปตามเป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อบรรลุเป้า Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2065 ตามแผนพัฒนาพลังงานของประเทศไทย