“นายกฯ”ลงนามคำแถลงปิดคดีแต่งตั้ง “พิชิต” ส่งศาลรธน. ลั่นทุกทำตามกฎหมาย ไม่หวั่นกระแส”นายกฯ” สำรอง เตรียมคุย “ทักษิณ” หลังพ้นโทษ พร้อมอ้าแขนรับร่วมงานรัฐบาล “สุทิน” ไม่ห่วงสถานการณ์เดือนส.ค. บอกยังไม่มีสัญญาณลบคดีนายกฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 ก.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการส่งคำแถลงปิดคดีที่ 40 สว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ จากการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้พร้อมแล้วทุกอย่าง เหลือเพียงที่ตนต้องเซ็นลงนาม ซึ่งคาดว่าหลังรับประทานอาหารเสร็จก็จะเซ็นลงนามเลย และจะส่งภายในเวลา 16.30 น. ภายในวันเดียวกันนี้ต้องส่งให้เรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงวินาทีนี้ท่านยังมั่นใจในเก้าอี้ของนายกฯ ว่าจะได้ไปต่อได้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ยิ้ม หัวเราะ และตอบว่า “ อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าทุกอย่างเราก็ส่งไป ขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมแล้ว ผมไม่อยากจะก้าวล่วง วันนี้ผมก็จะทำ Closing Statements“ เมื่อถามต่อว่า วันนี้เริ่มมีการมองหานายกฯ สำรอง หวาดหวั่นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวปฏิเสธว่า ”ไม่ครับ“
ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า หนึ่งในนั้นมีชื่อของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ประเทศไทยมีบุคคลคุณภาพหลายคน ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย และทุกอย่างยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่าง และน้อมรับคำตัดสิน เมื่อถามว่า หากคำตัดสินออกมาเป็นลบ ส่วนตัวคิดว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ควรมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า “อย่าพึ่งไปไกลไปแล้วครับ ส่วนตัวคิดว่าอย่าเพิ่งไปคิดเรื่องนั้นเลย เรามีกลไกของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้แล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้าเกิดว่าออกมาเป็นอย่างนั้นก็ต้องเป็นไปตามที่ว่ากันไป”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นับจากเหตุการณ์ตั้งแต่เขาใหญ่มาซอยรางน้ำจนกระทั่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้พูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บ้างหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างที่เรียนไปแล้วว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายทักษิณเมื่อวันคล้ายวันเกิด ช่วงเช้าได้โทรศัพท์ไปแต่ท่านไม่ได้รับสายคาดว่าติดทำบุญอยู่ ตนจึงได้ส่งดอกไม้เข้าไปอวยพร และช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันเดียวกันหลังจากกลับจากจังหวัดนครพนม ได้มีการโทรศัพท์เข้าไปอวยพรอีกครั้ง ให้ท่านมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งก็เป็นการพูดคุยกันและยืนยันว่าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง อย่างที่บอกว่าเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านอยากให้ท่านมีความสุข ส่วนเรื่องเขาใหญ่หรือที่อื่น ก็เป็นการพบปะกันธรรมดา อย่างที่มีการถามไปแล้วทั้งเรื่องการตีกอล์ฟที่เขาใหญ่ เนื่องจากท่านรู้จักกันมานาน นายอนุทิน ก็เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมาก่อน การไปตีกอล์ฟร่วมกันก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
เมื่อถามต่อว่า มีการจับตาในช่วงเดือนสิงหาคมที่นายทักษิณจะพ้นโทษเป็นผู้บริสุทธิ์ จะให้เข้ามาช่วยงานในรัฐบาลด้านใดหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าว เรื่องแรกคือต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมถึงจะได้รับการพ้นโทษ เรื่องนี้ตนไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว ส่วนเรื่องที่จะจะให้มาช่วยงานรัฐบาลยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยกัน ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และย้ำว่ายังไม่มีการพูดคุย
เมื่อถามว่า ไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้เข้าใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธที่จะพูดคุยกัน คงมีการพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ต้องเป็นเป็นไปตามความประสงค์ของท่านด้วยไม่ใช่ของตนฝ่ายเดียว ก็ยืนยันว่ายินดี และพร้อมยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกทุกท่าน เมื่อถามว่า ในความคิดของท่าน นายทักษิณยังเป็นกระแสที่ประชาชนต้องการใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า มคิดว่าคนเราที่เป็นนายกฯ มานานขนาดนี้ และเป็นนายกฯ ที่ได้รับความนิยมได้รับความนิยมชมชอบสูงสุดอย่างที่ตนเคยเรียนไป ท่านก็ยังคงมีคนรัก
เมื่อถามว่า ระยะเวลาความนิยมผ่านมาเกือบ 20 ปี วันนี้นายทักษิณก็ยังตอบโจทย์สถานการณ์ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองปัจจุบันได้ คิดเห็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนมีความคิดเห็น มีความหวังดีและมีความปรารถนาดีกับประเทศชาติในปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าระยะเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป องค์ประกอบหลายๆอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นแต่ละปีแต่ละช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะมี ความยากความซับซ้อน
นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ช่วงเดือน ส.ค.นี้ ที่จะมี 3 ประเด็นใหญ่ อาทิ 1.คดียุบพรรคก้าวไกล 2.การวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของนายเศรษฐา ทวีสิน และ 3.กรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะพ้นโทษ ว่า ไม่ห่วง เพราะว่าประเทศไทยมีประสบการณ์เรื่องนี้บ่อย รวมถึงมีระบบที่จะรองรับและฝ่ายแก้สถานการณ์ก็เก่ง และคนที่จะมาก็เก่ง และที่สำคัญคนไทยมีบทเรียน ถ้าเราเลยเถิดไปคงจะเจ็บปวด ซึ่งจากบทเรียนนั้นคนไทยคงไม่น่าจะทำอะไรให้เสียหาย