“สุดสยอง สะเทือนขวัญ เมืองลับแล” ฤทธิ์ยาบ้า! ผัวหลอนผีเข้าสิงเมีย ใช้มีดบั่นคอลากศพทิ้งหน้าบ้าน ก่อนบั่นซ้ำจนศรีษะหลุดจากบ่าแล้วหิ้วไปทิ้ง  ผู้ใหญ่บ้านขนลุกภาพติดตา แค่มาระงับเหตุทะเลาะวิวาท แต่ดันเจอเรื่องไม่คาดฝัน “นายอำเภอลุยเอง” รวบผัวโหดคาบ้าน หลังหนีซ่อนในเล้าไก่นานกว่า 3 ชั่วโมง 


เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นางญาณิศา ฟูใจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่1 รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ที่บ้านเลขที่ 80/3 หมู่1 บ้านน้ำใส ตำบลชัยจุมพล อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงรายงานให้นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล รับทราบและรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ  แดงเรือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลับแล ร้อยตำรวจเอก ณัฐพงศ์ พรมีเดช พนักงานสอบสวน ร้อยเวรเจ้าของคดี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอลับแล เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ชุดป้องกันแปราบปรามสถานีตำรวจภูธรลับแล เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 


ที่เกิดเหตุที่บริเวณเพิงสังกะสีข้างบ้านที่เกิดเหตุใกล้กับบ้านเลขที่ 84 เจ้าหน้าที่พบศพผู้หญิงในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น สีโอรสเข้ม ในสภาพนอนหงายหน้า คอส่วนศรีษะขาดหายไป ในสภาพน่าสยดสยองและน่ากลัวยิ่งนัก บริเวณใกล้กันเจ้าหน้าที่พบอาวุธมีดปลายแหลมมีความยาวกว่า 30 เซนติเมตรตกอยู่ห่างศพผู้เสียชีวิตประมาณ 20 เมตร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน 


ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในบ้านปูนชั้นเดี่ยว พบคราบเลือดขนาดใหญ่ มีรอยลากเป็นทางยาวตั้งแต่กลางบ้านออกมาถึงบริเวณหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยรอบเพื่อค้นหาศรีษะส่วนคอที่หายจากศพไป พบอยู่ที่บริเวณหน้าเล้าไก่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ วางอยู่กับท่อน้ำปูนซิเมนต์ห่างจากศพที่พบประมาณ 30 เมตร  ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนางสาวภัทรา หรือรอบ อายุ 50ปี บ้านเลขที่ 80/3 ม1 อาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าว


จากการสอบสวนบ้าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันและเป็นพี่สะใภ้ของผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นภรรยาของนายณริน อายุ49 ปี มีลูกด้วยกันเพียง 1 คน เป็นชาย อายุ 15 ปี ไม่ได้เรียนหนังสือ ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาวกว่า 30 เซนติเมตร ฟันคอเมียจนเสียชีวิต ช่วงระหว่างก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากบ้านที่เกิดเหตุ และร้องเสียงดังว่า “หายใจไม่ออก” และเกิดเสียงตุ๊บตั๊บดังขึ้น เชื่อว่าจะมีเหตุฆ่ากันตายภายในบ้านหลังนี้  จึงแจ้งให้นางญาณิศา  ผู้ใหญ่บ้าน หมู่1 เข้ามาระงับเหตุ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าว สามี-ภรรยา คู่นี้มักจะทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำในช่วงเวลากินเหล้า ครั้งนี้เสียงดังมากและรุนแรงกว่าปกติ เมื่อผู้ใหญ่บ้านเดินทางมาถึงพบเห็นสามีของผู้ตาย กำลังใช้มีดปลายแหลมมีความยาวกว่า 30 เซนติเมตร ฟันเข้าที่บริเวณลำคอภรรยาหลายครั้ง  


ผู้ใหญ่บ้าน จึงได้วิ่งออกมาเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้มาช่วยเหลือ ในระหว่างนั้นสามีของผู้เสียชีวิตได้ลากศพภรรยาตัวเองจากจุดกลางบ้านที่เกิดเหตุ ออกมาหน้าบ้านและลากเอาไปไว้หน้าบ้านฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งเป็นบ้านของพี่สาวผู้ก่อเหตุ ก่อนใช้อาวุธมีดเล่มดังกล่าวตัดเอาศรีษะเมียตัวเองที่เสียชีวิตแล้ว หิ้วเอาศรีษะไปทิ้งที่ข้างท่อน้ำปูนซิเมนต์ไม่ได้ใช้งานแล้วและอยู่ข้างบ้านตัวเอง  สร้างความสยดสยองคาตาให้กับผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างมากเพียงแค่จะเข้ามาเพื่อระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับต้องมาเห็นภาพสยองคาตาด้วยตัวเอง ระหว่างก่อเหตุไม่ทราบว่า นายณรินสามีผู้ก่อเหตุหลบหนีไปไหนแล้ว


ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเก็บวัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อประกอบสำนวนในคดีนี้ แพทย์เวรโรงพยาบาลลับแล ลงพื้นที่ชันสูจน์พลิกศพ เพื่อเก็บร่องรอยบาดแผลและสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ เพื่อประกอบในสำนวนคดีเช่นเดียวกัน 


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรลับแลพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอลับแล เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ จำนวนกว่า 20 นาย นำกำลังแยกย้ายกันออกค้นหา นายณริน สามีของนางสาวภัทรา หรือรอบ ผู้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมฆ่าหั่นคอเมียตัวเอง มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ค้นหารอบตัวบ้านและพื้นที่ใกล้เคียง วัด โรงเรียน พื้นที่ป่าละเมาะนานกว่า 3 ชั่วโมง จึงย้อนกลับมาค้นรอบของตัวบ้านอีกครั้ง พบตัวนายณรินแอบ แอบหลบในบ้านระหว่างเจ้าหน้าที่ไปค้นหาที่อื่น โดยหลบซ่อนตัวอยู่ในเล้าไก่ข้างบ้านตัวเองก่อนกลับเข้ามาภายในบ้าน คิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ย้อนกลับเข้ามายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง 


โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลืมสิ่งของบางอย่างไว้ในบ้านที่เกิดเหตุระหว่างตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันผู้ใหญ่บ้านก็กลับมาเอารถจักรยายนต์หรือมอเตอร์ไซด์ที่จอดเอาไว้บริเวณหน้าบ้านผู้เสียชีวิตระหว่างมาตรวจที่เกิดเหตุหลังรับเรื่องร้องเรียน และมาพบตัวนายณรินเข้าอยู่ภายในบ้านของตัวเอง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจย้อนกลับมาช่วยกันจับกุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี 


ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปทำงานรับจ้างก่อสร้างในพื้นที่ตำบลชัยจุมพล ตกเวลา 5 โมงเย็น เดินทางกลับได้แวะดื่มเหล้ากับเพื่อน จากนั้นกลับมาที่บ้านและนั่งดื่มเหล้ากับภรรยาตามปกติที่เคยร่วมดื่มกินร่วมกันประจำ จนกระทั่งเกิดปากเสียงทะเลาะกัน รับสารภาพว่าติดยาเสพติดยาจนหลอนคิดว่า “ผีเข้าสิงร่างภรรยา” จำเป็นต้องฆ่าผีที่เข้าสิงอยู่ในตัวภรรยา จึงลงมือฆ่าภรรยาตัวเองโดยไม่รู้ตัว หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาบ้าน แอบหลบซ่อนตัวอยู่ที่เล้าไก่ข้างบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไปกันหมดแล้ว ออกจากที่หลบซ่อนเข้าบ้านมาพบเจอหน้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและผู้ใหญ่บ้านที่มาเอารถจักรยายนต์ จนถูกจับกุมตัวได้

ร้อยตำรวจเอก ณัฐพงศ์ พรมีเดช พนักงานสอบสวน ร้อยเวรเจ้าของคดี แจ้งข้อกล่าวหาใช้อาวุธมีดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจนเสียชีวิต พร้อมนำตัวผู้ต้องหาควบคุมตัวที่ห้องขังสถานีตำรวจภูธรลับแล ก่อนนำตัวส่งศาลเพื่อสั่งฟ้องดำเนินคดีต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอลับแล พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ  แดงเรือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลับแล เตรียมปูพรมกวดขันยาเสพติดอย่างเข้มงวดทุกตารางในพื้นที่อำเภอลับแล ทั้งผู้ค้ายาเสพติดและผู้เสพยา เตรียมปราบให้หมดสิ้นไปจากพื้นที่อำเภอลับแล จากเหตุสะเทือนขวัญและสยดสยองที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอลับแลครั้งนี้ ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญรุนแรงที่สุดของอำเภอลับแลและจังหวัดอุตรดิตถ์