วันที่ 29 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ตำบลคำน้ำสร้าง อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร พบว่ามีถ้ำขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นหินทรายกลางป่าลึกเป็นห้องโถงเชื่อมต่อกัน 3 โถง สามารถจุคนได้ไม่ต่ำกว่า 100 คน เป็นถ้ำปริศนาที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก
พระสงฆ์ที่วัดป่าถ้ำทรายทอง ตำบลคำน้ำสร้าง อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ได้พาผู้สื่อข่าวไปสำรวจถ้ำบนภูเขาด้านหลังวัดป่าถ้ำทรายทอง ซึ่งต้องเดินเท้าเข้าไปในป่าลึกประมาณ 800 เมตร ก็จะพบลานหินเป็นบริเวณกว้างอยู่กลางป่าที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิดและบนลานหินพบว่ามีปล่องขนาดต่างกัน 3 ปล่อง ด้านใต้ปล่องแต่ละปล่องเป็นโพลงลึกลงไปใต้พื้นและเมื่อเดินอ้อมลงไปใต้หน้าผาหินจะพบว่าเป็นทางเข้าออกของถ้ำขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นลานหินดังกล่าวโดยชาวบ้านในพื้นที่เรียกถ้ำแห่งนี้ว่าถ้ำทรายทอง หรือ ถ้ำเตาฮาง เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกับเตาฮาง ซึ่งเป็นเตาโบราณที่ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง และภายในถ้ำพบว่ามีห้องโถง 3 ห้อง ซึ่งโถงแรกจะมีขนาดใหญ่สามารถเดินเข้าไปได้อย่างสบายและกลางโถงจะมีปล่องทะลุขึ้นด้านบน
จากนั้นก็เป็นโถงที่ 2 และโถงที่ 3 แต่ละโถงจะมีทางเดินเชื่อมต่อกันได้ โดยภายในถ้ำยังพบว่ามีร่องรอยของการจำพรรษาของพระสงฆ์มาก่อนแต่ปัจจุบันไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่แล้ว จากการสอบถามพระสงฆ์ภายในวัดถ้ำทรายทองและชาวบ้านในพื้นที่ไม่มีใครมีข้อมูลชัดเจนว่าถ้ำแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไรแต่เหมาะที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นแหล่งศึกษาประวัติความเป็นมาเพราะเชื่อว่าน่าจะมีอายุหลายร้อยปี และใกล้กับทางขึ้นไปยังถ้ำทรายทองแห่งนี้ยังมีน้ำตกเล็กๆอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามที่มีกระแสน้ำไหลผ่านลานหินเหมาะในการเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย และชาวบ้านเรียกน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกตลาด หรือ น้ำตกตาดหลาด ซึ่งตาด แปลว่าน้ำไหลผ่านลานหิน ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นน้ำตกตลาด
หลวงตาสุรินทร์ วิสุทโธ อายุ 70 ปี รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำทรายทอง บอกว่า ตนมารักษาการเจ้าอาวาสฯและมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าถ้ำทรายทอง ได้ 1 พรรษาแล้ว และจากการสอบถามพระสงฆ์และชาวบ้านในพื้นที่ทราบว่าเดิมวัดป่าถ้ำทรายทองจะอยู่บนภูเขาบริเวณลานหินที่มีถ้ำทรายทอง ซึ่งพระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็จะพากันจำพรรษาอยู่ภายในถ้ำ ต่อมาได้พากันย้ายมาสร้างวัดอยู่บริเวณเชิงเขาในที่ปัจจุบันนี้ และภายในถ้ำทรายทองนานๆจึงจะมีพระธุดงค์เข้าไปจำพรรษา ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนภายในถ้ำจะมีปริมาณไหลเข้าไปทำให้มีความชื้นจึงไม่เหมาะที่จะจำพรรษาได้จึงไม่มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษ แต่ประวัติความเป็นมาตนก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกันแต่เชื่อว่ามีอายุหลายร้อยปี