นครพนม สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ภาค 5 รับเรื่องสอบความคุ้มค่า งบธนาคารน้ำใต้ดิน อบจ.นครพนม กว่า 800 โครงการ งบประมาณกว่า 430 ล้านบาท ชาวบ้านร้องตรวจสอบ ไม่เกิดประโยชน์ ใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า พบพิรุธป้ายโครงการไม่ตรงกับพื้นที่จริงหลายจุด ไม่ระบุปริมาณงานชัดเจนส่อทุจริต
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้ากรณีมีชาวบ้าน ในพื้นที่ ออกมาร้องเรียนให้ สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนม ตรวจสอบความคุ้มค่าเกี่ยวกับการใช้งบประมาณ โครงการขุดลอกธนาคารน้ำใต้ดิน อบจ.นครพนม ในช่วงระหว่างปี 2565 – 2567 มีการจัดสรรงบประมาณ ดำเนินการ กว่า 867 โครงการ รวมเป็นเงินงบประมาณ 433,500,000 บาท โดยชาวบ้านยืนยันว่า ส่วนใหญ่ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ และไม่ได้ใช้ประโยชน์ จริง จึงต้องการให้หน่วยงาน ปปช.นครพนม รวมถึง สำนักตรวจเงินแผ่นดิน จ.นครพนม ตรวจสอบความคุ้มค่า รวมถึงตรวจสอบป้องกันการทุจริต เนื่องจากมีการจัดซื้อจัดจ้างแบบตกลงราคา โครงการละไม่เกิน 5 แสนบาท เป็นการเอื้อประโยชน์ ต่อนายทุน ส่อต่อการแสวงประโยชน์จากโครงการ อีกทั้งยังพบข้อพิรุธ ในโครงการหลายอย่าง ทั้งปริมาณงานไม่มีการระบุชัดเจน รวมถึงไม่มีการตรวจสอบลงประชามติจากชุมชน และเป็นการนำงบประมาณลงไปดำเนินการในพื้นที่ส่วนบุคคล เป็นส่วนใหญ่
ล่าสุด ทางด้าน สำนักตรวจเงินแผ่นดิน จ.นคพรนม ได้รับเรื่องร้องเรียน พร้อมประสานเสนอเรื่องไปยัง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 5 จ.อุบลราชธานี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มาของโครงการ รวมถึงความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ เพื่อดำเนินการตรามกฎหมายต่อไป เนื่องจากเป็นการใช้งบประมาณ เกิน 3 ล้านบาท ถือว่า เกินกำนาจหน้าที่ สำนักตรวจเงินแผ่นดิน จ.นครพนม ต้องส่งเรื่องต่อไปยัง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค ที่ 5 จ.อุบลราชธานี ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อจะดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าว ตามข้อร้องเรียน พบพิรุธเกี่ยวกับโครงการหลายอย่าง อาทิ การจัดสรรงบประมาณ ส่วนใหญ่ จะใช้งบอยู่ที่ประมาณ 4.9 แสนบาท แต่ไม่มีการระบุปริมาณ คิวดิน ชัดเจน รวมถึงงานขุดบ่อธนาคารใต้ดินหลายจุด มีป้ายโครงการไม่ตรงกับพื้นที่ จริง เช่นเดียวกับโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน ในพื้นที่ ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นคพรนม แต่ป้ายโครงการระบุ ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยถือว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทผู้รับจ้าง ส่วนใหญ่ จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมา ไม่กี่เดือน ก่อนอนุมัติโครงการ รวมถึงเป็นบริษัทผู้รับจ้าง รายเดียวกัน แต่รับงานหลายโครงการ ถือว่า ส่อทุจริต มีช่องว่างเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ที่เป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มผู้บริหาร ทั้งนี้ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่มีตัวแทนชาวบ้านส่งหลักฐานร้องเรียนกับ ทาง ปปช.นครพนม สอบข้อเท็จจริง ป้องกันการทุจริต แสวงประโยชน์จากโครงการ