วันที่ 29 ก.ค. 67   นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ว่า ภายในพรรคยังไม่มีสัญญาณอะไร ทุกวันนี้ทำงานจนลืมวันเวลาไปหมด จนจำไม่ได้แล้วว่าศาลอ่านคำวินิจฉัยวันไหน ถือว่าเป็นเพียงวันหนึ่งเท่านั้น คงทำอะไรไม่ได้มากกว่าการรอคอยและการรอฟัง

ส่วนการที่พรรคก้าวไกลนัดมวลชนมาเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยพร้อมกันที่ตึกอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกลนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงเป็นเพราะมีประชาชนถามมาเยอะว่ามีที่ไหนให้มาพบกันหรือไม่ ทางพรรคจึงจัดให้เป็นที่พรรคก้าวไกล เพราะบางกลุ่มก็จะไปรวมตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญ หรือที่อาคารรัฐสภาบ้าง เกรงว่าจะรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ การจัดให้มารับฟังศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกันที่พรรคคงเป็นเหมือนการอำนวยความสะดวกมากกว่า ไม่ได้เป็นการเรียกมารวมตัวกันแต่อย่างใด คงไม่ถึงขั้นเรียกมวลชนก่อความวุ่นวายหากมีคำพิพากษาเชิงลบออกมา เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนมาพบปะพูดคุยกัน ยังไม่คิดถึงขั้นจะมีข่าวร้าย เป็นการพูดคุยเฮฮากันมากกว่า เหมือนการทำสมาชิกสัมพันธ์

นายวิโรจน์ ยืนยันว่า จาก 3 องค์ประกอบ ทั้งจากการแถลงข่าวของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าสิ่งที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำ ก็ผิดระเบียบของ กกต. เอง และมีเงื่อนไขทางกฎหมายหลายข้อที่ยืนยันความสุจริตของพรรคก้าวไกล รวมถึงยังมีกระบวนการหลายอย่างที่ลัดขั้นตอน และไม่ถูกระเบียบ

ส่วนการแถลงข่าวของนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลเอง ก็ตอกย้ำว่ากระบวนการขั้นตอนที่ กกต. นำไปร้องต่อศาลมีความคลาดเคลื่อน และเป็นเท็จอยู่หลายประการ หรืออาจจะเกิดจากความเข้าใจผิด พร้อมบอกว่าข้อมูลที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งทางพรรคก็ได้ต่อสู้ทางกฎหมาย และพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงด้วยที่ผู้ร้องนำไปร้องต่อศาล

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลได้เชิญบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เป็นที่ยอมรับของสังคมมาให้ความเห็นด้วย อย่าง ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อาจารย์จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย จาก 3 องค์ประกอบนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้รับไว้พิจารณาทั้งหมด ทำให้พรรคไม่ได้กังวลกับคำวินิจฉัยที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้

ขณะที่การเตรียมการหากเกิดการยุบพรรคก้าวไกลนั้น นายวิโรจน์ ระบุว่า ยังไม่ได้เตรียมการถึงขั้นตั้งพรรคใหม่ แต่ก็มีกลไกที่ทำเพื่อรองรับไว้แล้ว ไม่ว่าจะออกมาเป็นผลดีหรือผลเสียก็มีแผนรองรับไว้ทั้งหมด คงไม่ถึงขั้นเตรียมทุกอย่างไว้ 100%

นายวิโรจน์ เชื่อว่า คงมีกระบวนการที่พยายามสกัดก้าวไกล แต่หากยุบแล้วสกัดไม่ได้ แต่ดันเป็นการผลักก้าวไกลให้วิ่งเร็วกว่าเดิม แล้วจะยุบทำไม ซึ่งก็ได้อนุมานได้เช่นนี้ หากบ้านเมืองอยู่ในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และ 3 องค์ประกอบที่ได้ชี้แจงไป คิดว่าคงไม่มีเหตุให้ยุบพรรค และมั่นใจในความสุจริตของพรรคเช่นกัน