พายุงวงช้าง พัดถล่มไม้ล้มทับอาคารเรียน เสาไฟฟ้า กระเบื้องหลังคาวัดปลิวเสียหาย ขณะชาวสวนน้ำตาตกต้นทุเรียนโค่นถอนรากเกือบ100 ต้น
วันที่ 28 ก.ค. 67 นายจักรพงษ์ พันธุ์โชติ นายอำเภอขลุง ได้รับแจ้งเกิดภัยพิบัติ มีพายุลมพัดแรงในพื้นที่ จึงมอบหมายให้ทุกตำบลในพื้นที่เร่งสำรวจความเสียหาย หลังพายุลูกใหญ่ที่มากับฝน ในเบื้องต้น ได้รับรายงานว่า มีโรงเรียน วัด และสวนทุเรียนของชาวบ้าน ถูกพายุพัดได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นภัยพิบัติที่หนักสุด ในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะโรงเรียนขลุงรัชดาถิเษก และสวนผลไม้พื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนขลุงรัชดาภิเษก พบมีต้นไม้หลายสิบต้นทั่วบริเวณโรงเรียน ล้มมระเนระนาด ทับเสาไฟฟ้า ,อาคารเรียน , บ้านพักครู ตลอดจนประตูรั้วและโรงจอดรถ กระเบื้องหลังคาโบสถ์ ปลิวว่อน กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และยังพบ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ถูกแรงลมพัดโค่นล้มลงมา โชคดีขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเย็น ไม่มีคนอยู่ ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย
และจากการดูภาพกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียน เผยคลิปวินาทีเหตุการณ์ ขณะเกิดพายุงวงช้างพัดกระหน่ำเข้าใส่ ส่งผลทำให้ต้นไม้อายุกว่า 30 ปี นับสิบต้น โค่นล้มระเนระนาด ทับอาคารเรียน เสาไฟฟ้าแรงสูง จนเกิดประกายและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว นอกจากนี้ยังพัดกระเบื้องหลังคาวัดที่อยู่ใกล้ปลิวว่อนหลุดหายไปทั้งแถบ
จากนั้น ได้เดินทางไปยังสวนผลไม้ พื้นที่ หมู่ 2 และหมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง ซึ่งเป็นสวนทุเรียนของ นายสมชาย ยิ้มสกุล อายุ 56 ปี หลังได้รับรายงานว่า มีต้นทุเรียนถูกพายุหักโค่นล้ม ได้รับความเสียหายเกือบ 100 ต้น
สอบถาม นายสมชาย เผยว่า ได้ทำสวนทุเรียนบนเนื้อที่ 7 ไร่ ปลูกทุเรียนอายุตั้งแต่ 10 - 15 ปี ไว้จำนวนกว่า 100 ต้น โดยช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.67 ที่ผ่านมา มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน กระทั่งเวลา 18.30 น. มีพายุลมแรงพัดเข้ามาในสวนไม่ถึง10 นาที ซึ่งตอนนั้นทั้งตกใจทั้งกลัว แต่ทำอะไรไม่ได้
หลังพายุฝนสงบ ได้รีบเข้าไปตรวจสอบก็พบมี ต้นทุเรียนพันธุ์กระดุม และหมอนทอง ถูกพายุพัดโค่นล้มได้รับความเสียหาย ทั้งหมด 71 ต้น ยังมีต้นทุเรียนในสวนฝั่งตรงข้ามของเพื่อนบ้าน ถูกแรงลมหักโค่น อีกจำนวน 8 ต้น
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปในพื้นที่หมู่ 4 ต.วันยาว อ.ขลุง หลังรับแจ้งว่า มีต้นกระบกขนาดใหญ่ อายุกว่า 200 ปี ถูกพายุพัดหักโค่นอีก 1 ต้น จากการตรวจสอบ พบต้นกระบกดังกล่าว มีขนาดลำต้นไม่ต่ำกว่า 6-7 คนโอบ มีการตั้งศาลไว้ 4 หลัง โดยเจ้าของบอกว่า ต้นกระบกดังกล่ว มีอายุประมาณ 200 ปี ซึ่งจากคำบอกเล่า ของพ่อในสมัยของทวด ก็พบต้นกระบกต้นนี้เติบโตในสวนแห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว
ขณะเกิดเหตุมีแม่อยู่บ้าน บอกว่าเกิดพายุลมพัดแรงอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน จนสามารถพัดต้นกระบกที่สูงใหญ่และแข็งแรงโค่นล้มลงได้ โชคดีที่ไม่มีใครในบ้านได้รับบาดเจ็บ