องคมนตรีปฏิบัติราชการพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ จังหวัดปัตตานี เป็นวันที่สอง

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมด้วย นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ กปร. และเจ้าหน้าที่ เดินทางไปยังเมืองโบราณยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมาเมืองโบราณยะรัง และเยี่ยมชมการดำเนินโครงการบูรณะขุดแต่งแหล่งโบราณคดีเมืองโบราณยะรัง และโบราณสถานบ้านจาเละ  ซึ่งกรมศิลปากรได้เริ่มดำเนินโครงการขุดแต่งแหล่งโบราณคดีเมืองโบราณยะรัง ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อศึกษาร่องรอยโบราณคดี และอนุรักษ์ รักษาแหล่งโบราณคดีเมืองโบราณยะรังให้คงอยู่ และมีแผนพัฒนาเมืองโบราณยะรังสู่การเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งแรกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปัตตานี  อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานี

ในช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังวัดมุจลินทวาปีวิหาร พระอารามหลวง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จากนั้น สักการะพระประธานและนมัสการเจ้าอาวาส โอกาสนี้ ถวายถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี แด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป วัดมุจลินทวาปีวิหารจัดตั้งวัดเมื่อปี 2388 ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดเป็นรูปตัวค้อน ห่างจากทะเล ประมาณ 2 กิโลเมตร เดิมชื่อ “วัดตุยง” โดยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสแหลมมลายู ทรงเยี่ยมพสกนิกรเมืองหนองจิก และมีพระราชปฏิสันถารกับพระครูพิบูลย์สมณวัตร (นวล เทวธมฺโม) เจ้าอาวาสในขณะนั้น และพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน 80 ชั่ง ในการสร้างอุโบสถ และพระราชทานนามใหม่เป็น “วัดมุจลินทวาปีวิหาร”  ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2519 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดมุจลินทวาปีวิหารเป็นการส่วนพระองค์

วัดมุจลินทวาปีวิหาร ได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2521 ปัจจุบันมีพระสุทธิสมณวัตร เป็นเจ้าอาวาส ภายในวัดมีปูชนีวัตถุสำคัญแสดงถึงความสำคัญในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนความศรัทธาในพุทธศาสนา ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ให้เกิดความรัก ความสามัคคี ดำเนินชีวิตตามหลักศาสนา ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกด้านคุณธรรม จริยธรรม และการเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมให้แก่พี่น้องชาวพุทธในการแก้ไขปัญหาและร่วมกันพัฒนาชาติให้มั่นคงขึ้น ต่อไป

จากนั้น องคมนตรีและคณะ เดินทางไปยังศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตั้งอยู่ที่อยู่ที่ 63 ถนนอาเนาะรู ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2117 เป็นที่นับถือของชาวไทยเชื้อสายจีน โดยประชาชนในพื้นที่ทุกเชื้อสายต่างอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

กองประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กปร.