กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เตรียมพร้อมจัดงานใหญ่ "งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ครั้งที่ 19 ประจำปี 2567 อลังการงานผ้าไหมไทยยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ชมนิทรรศการผ้าไหมไทย เรียนรู้เส้นทางอาชีพและนวัตกรรมหม่อนไหม พร้อมช้อปสินค้าผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานมากมายภายในงาน ระหว่างวันที่ 1 - 4 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานแถลงข่าวการจัด "งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ครั้งที่ 19 ประจำปี 2567 ร่วมกับพันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย อธิบดีกรมหม่อนไหม โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมเป็นเกียรติภายในงาน ณ ห้องประชุม 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  

               ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า "งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ครั้งที่ 19 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์หม่อนไหม ภูมิปัญญาผ้าไทย เทิดไท้องค์ราชัน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง ที่ทรงสืบสานและทรงให้ความสำคัญกับผ้าไหมไทย และยังเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ้าไหมไทยคุณภาพ ผลิตภัณฑ์จากหม่อนและไหมของเกษตรกรให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง อีกทั้งยังสนับสนุนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ และเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ช่วยกันสืบสานภูมิปัญญาต่อไป เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจสินค้าภาคเกษตรให้เกษตรกรไทย ให้สามารถยกระดับรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี

พันจ่าเอก ประเสริฐ มาลัย อธิบดีกรมหม่อนไหม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ /นิทรรศการตรานกยูงพระราชทาน จัดแสดงผลงานการประกวด เส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน และผลิตภัณฑ์หม่อนไหม ที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ประจำปี 2567 / นิทรรศการ 72 หมู่บ้าน รวมใจปลูกหม่อนน้อมถวาย 72 พรรษา ทศมินทรราชา สืบสาน รักษา ต่อยอด  สู่ 12 พรรณพฤกษาไทย สร้างสีสันบนผ้าไหม 21 ลายทรงเลือก / นิทรรศการเส้นทางสายไหม / นิทรรศการผลงานของกรมหม่อนไหมและหน่วยงานการบูรณาการ นิทรรศการทายาทหม่อนไหม และยังมีการออกร้านจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหมไทย และสินค้าหม่อนไหม จากทั่วประเทศ มากกว่า 230 ร้านค้า

               สำหรับไฮไลท์สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้  คือ “เส้นทางอาชีพหม่อนไหม” เป็นการจัดแสดงเส้นทางอาชีพด้านหม่อนไหมที่มีการต่อยอดไปสู่อาชีพอื่น ๆ ได้แก่ อาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม นักออกแบบและตัดเย็บผ้าไหม ธุรกิจขายชาใบหม่อน การค้าดักแด้ไหม ผลิตภัณฑ์ความงามและเฟอร์นิเจอร์จากไหม การขายสีย้อมผ้า และการทำคาเฟ่ (Silkberry Cafe) รวมทั้ง กิจกรรม Workshop การพิมพ์ลายกระเป๋าจากสีธรรมชาติ การทำเครื่องประดับจากเศษผ้าไหม นอกจากนี้ ยังมีผลงานการบูรณาการ ที่ทางกรมหม่อนไหมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ นวัตกรรมการผลิตผ้าไหมเส้นไหมด้วยกราฟีนเพื่อใช้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้แก่เส้นไหมและผ้าไหม ซึ่งนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ เช่น  เครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอตกแต่งบ้าน มีคุณสมบัติพิเศษในรูปแบบที่แตกต่างกันตามสภาพอากาศ เช่น ช่วยให้เย็นสบายเมื่ออากาศร้อน และช่วยให้อบอุ่นเมื่ออากาศเย็น การนำไหมมาพัฒนาเป็นวัสดุทางการแพทย์ ช่วยผู้ป่วยที่ผ่าตัดมะเร็งเต้านม สำหรับเป็น "วิศวกรรมโครงร่างเต้านม" เพื่อใช้ฟื้นฟูเนื้อเยื่อเต้านมที่เกิดจากการผ่าตัดมะเร็งเต้านม และเสริมโครงสร้างเนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดการยุบตัวเนื่องจากการผ่าตัด การพัฒนาการป้องกันกำจัดโรคแบคทีเรียในไหมหัตถกรรมด้วยสารสกัดจากพืช การจัดแสดงผลงาน “จากนักโทษ สู่นักทอ” การขยายผลต่อยอดโครงการพัฒนาผู้ต้องขังด้านการทอผ้าไหมสู่การประกอบอาชีพช่างทอผ้าไหมเมื่อพ้นโทษ

               นอกจากนี้ ภายในงาน ยังมีการจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์อีกหลากหลายประเภทให้เลือกชมเลือกซื้อ เช่น ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ผ้าไหมอัตลักษณ์จากทั่วทุกภาคของประเทศไทย สินค้าแปรรูปต่าง ๆ จากหม่อนและไหม เช่น อาหาร ขนม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง เครื่องประดับ และของแต่งบ้าน ฯลฯ พร้อมกิจกรรมสาธิตและการแสดงต่าง ๆ ตลอดงาน