"พาณิชย์" เปิดตัวเลขส่งออก มิ.ย.หดตัว 0.3% ครึ่งปีแรกโต 2% ตามเป้า แถมเกินดุล 2 เดือนต่อเนื่อง
วันที่ 26 ก.ค.67 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) แถลงข่าวภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมิถุนายน และ 6 เดือนแรกของปี 2567 พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ห้องกิติยากรวรลักษณ์ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยการส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2567 มีมูลค่า 24,796.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (892,766 ล้านบาท) หดตัวร้อยละ 0.3 กลับมาหดตัวเล็กน้อย สาเหตุหลักจากสินค้าผลไม้เข้าสู่ช่วงท้ายของฤดูกาล จึงมีผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ดุลการค้าไทยเกินดุลต่อเนื่อง 2 เดือน ขณะที่บรรยากาศการค้าโลกเริ่มมีความวิตกกังวลต่อแนวโน้มการใช้มาตรการกีดกันทางการค้า ทั้งยังมีความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งในหลายประเทศ นอกจากนี้ประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี อาทิ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ยังส่งผลให้ความต้องการของเครื่องยนต์สันดาปฯ หดตัวลงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ การส่งออกไทยครึ่งแรกของปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 2.0 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 3.1
ขณะที่มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนมิถุนายน 2567 การส่งออก มีมูลค่า 24,796.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 0.3 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 0.3 ดุลการค้า เกินดุล 218.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 145,290.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.0 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 150,532.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.0 ดุลการค้าครึ่งแรกของปี 2567 ขาดดุล 5,242.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนมูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนมิถุนายน 2567 การส่งออก มีมูลค่า 892,766 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.0 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 895,256 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 5.6 ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 5,191,014 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 5,437,480 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 8.3 ดุลการค้าครึ่งแรกของปี 2567 ขาดดุล 246,466 ล้านบาท
สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 3.3 (YoY) กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าเกษตรหดตัวร้อยละ 2.2 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 4.8 กลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 96.6 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดอิรัก แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย สหรัฐฯ และโกตดิวัวร์) ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 28.8 ขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย) ไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 4.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ ไอร์แลนด์ และแคนาดา) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 13.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย มาเลเซีย อิตาลี และฟิลิปปินส์) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 6.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแคนาดา) และไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 147.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย มาเลเซีย เมียนมา อิตาลี และเวียดนาม)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 37.8 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดจีน ฮ่องกง สหรัฐฯ เวียดนาม และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 51.9 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน ลาว และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา แทนซาเนีย เวียดนาม เคนยา และจีน) เครื่องดื่ม หดตัวร้อยละ 9.5 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา จีน และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินเดีย) และไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง หดตัวร้อยละ 13.4 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร แต่ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาซิโดเนีย และคูเวต) ทั้งนี้ ครึ่งแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว ร้อยละ 3.3
ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 0.3 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 13.5 กลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวเดือนก่อนหน้า (ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น เม็กซิโก และซาอุดีอาระเบีย) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 22.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสาธารณรัฐเช็ก) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 7.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนาม และเมียนมา) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 20.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 13 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ มาเลเซีย และเมียนมา)
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัวร้อยละ 7.9 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย และบราซิล) เม็ดพลาสติก หดตัวร้อยละ 6.3 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดอินเดีย อินโดนีเซีย สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน) เคมีภัณฑ์ หดตัวร้อยละ 5.5 หดตัวต่อเนื่อง 26 เดือน (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดอินเดีย มาเลเซีย กัมพูชา ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 21.4 หดตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (หดตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน แต่ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย และลาว) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ หดตัวร้อยละ 24.2
หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เมียนมา และลาว แต่ขยายตัวในตลาดอินเดีย จีน มาเลเซีย ออสเตรเลีย และเวียดนาม) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 54.2 หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (หดตัวในตลาดแอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บราซิล กัมพูชา และสหราชอาณาจักร) ทั้งนี้ ครึ่งแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว ร้อยละ 2.0
นายพูนพงษ์กล่าวอีกว่า ภาพรวมการส่งออกไทยหดตัวเล็กน้อยตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า แต่การส่งออกไปหลายตลาดสำคัญยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง อาทิ สหรัฐฯ CLMV ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่างๆสรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก หดตัวร้อยละ 1.3 ตามการหดตัวของการส่งออกไปตลาดจีน ร้อยละ 12.3 ญี่ปุ่น ร้อยละ 12.3 และอาเซียน (5) ร้อยละ 2.0 แต่ขยายตัวต่อเนื่องในตลาดสหรัฐฯ และ CLMV ร้อยละ 5.4 และร้อยละ 7.6 ตามลำดับ และกลับมาขยายตัวในตลาดสหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 7.9 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 2.5 โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 9.3 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 16.1 แอฟริกา ร้อยละ 25.1 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 30.5 ขณะที่หดตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 4.5 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 20.7 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 20.0 (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 15.0
ทั้งนี้การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในเดือนมิถุนายน อาทิ (1) การหารือเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเพื่อขยายโอกาสทางการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ของไทยขอให้ญี่ปุ่นเพิ่มรายการนำเข้าสินค้ากล้วยหอมทอง และลดภาษีน้ำตาลทราย พร้อมกันนี้ยังได้ชักชวนนักลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ และพลังงานสะอาด มาลงทุนในไทยและในพื้นที่ EEC (2) การนำผู้ประกอบการข้าวไทยเดินทางเยือนจีนเพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยกรมการค้าต่างประเทศนำสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเดินทางเยือนเมืองกวางโจวเพื่อพบปะผู้นำเข้า และผู้ประกอบการค้าข้าวในจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการค้าข้าว พร้อมจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทย แสดงศักยภาพในฐานะผู้ส่งออกข้าวที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก และมีแผนที่จะใช้อินฟลูเอนเซอร์ และบล็อกเกอร์ มาช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางยอดนิยมของกลุ่มคนวัยรุ่นจีนอย่าง TikTok หรือ WeChat Channel
โดยแนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยมีปัจจัยบวกจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร และการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่สนับสนุนความต้องการสินค้าที่เกี่ยวข้อง ขณะที่มีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ภัยแล้งที่ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดลดลง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ สงครามกลางเมืองในหลายประเทศ ปัญหาค่าระวางเรือที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจของคู่ค้าบางประเทศฟื้นตัวได้ค่อนข้างล่าช้า รวมถึงการเลือกตั้งในหลายประเทศสร้างความไม่แน่นอนทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอท่าทีนโยบายของรัฐบาลใหม่
#ข่าววันนี้ #กระทรวงพาณิชย์ #ส่งออก #เลือกตั้ง #ภัยแล้ง #อีอีซี