ผกก.สภ.บางกรวย งัดหลักฐานกล้องวงจรปิด โต้ 2 ผัวเมียร้องกองปราบฯ เผยไม่มีการทำร้ายร่างกาย และเรียกเงิน 2 แสน
จากกรณีสองสามีภรรยา ร้องจ่าคิงส์พาแจ้ง ตร.กองปราบ หลังถูกชาย 4 คนอ้างเป็น ตร.ชุดสืบสวนสภ.บางกรวย ตรวจค้นก่อนใช้โทรมือถือผู้เสียหายและบังคับโอนเงินค่ายา จนถูกคนขายยาตามล่าข่มขู่จะอุ้มลูกวัย 4 ขวบไปฐานให้ข้อมูลตร.ไปจับ
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 ก.ค.67 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ พงศ์ธนารักษ์ ผกก.สภ.บางกรวย พ.ต.ท.ชาญชัย วรัญญูรัตนะ รอง ผกก.สส.สภ.บางกรวย พ.ต.ต.ไพรวัลย์ น้อมจันทึก สว.สส.สภ.บางกรวย แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมนำคลิป และกล้องวงจรปิดให้กับผู้สื่อข่าว เป็นวินาทีขณะที่เจ้าหน้าที่ เข้าไปเเสดงตัวเพื่อจะขอตรวจค้นนายพงศ์ อยู่ภายในซอยข้างวัดตาระเก โดยเจ้าหน้าที่มีการเเสดงบัตรให้เห็นอย่างชัดเจน ก่อนจะมีการค้นตัวตามปกติ ซึ่งตัวนายพงศ์ ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ภาพกล้องวงจรปิดภายในวัดเชิงกระบือ โดยตำรวจระบุว่าภายหลังจากที่พบภาพยาเสพติดในโทรศัพท์มือถือของนายพงศ์ จึงให้เจ้าตัวพิมพ์ข้อความไปล่อซื้อยาเสพติดจากเครือข่าย นัดรับของกันที่วัดเชิงกระบือ โดยนาย ก บอกว่าจะให้ไรเดอร์มาส่งของให้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของวัด จะเห็นนายพงศ์ เดินไปเดินมาอยู่ในวัดกับตำรวจ เป็นช่วงเวลาที่รอของ จะเห็นว่าตำรวจไม่ได้มีการควบคุมตัว เเละไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย ซึ่งต่อมาก็มีการเปลี่ยนสถานที่ส่งของ ไปเป็นบริเวณหน้าการไฟฟ้า
ภายหลังจากการล่อซื้อล้มเหลว ตัวนายพงศ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เเยกย้ายกัน โดยภาพวงจรปิดจะเห็นรถของนายพงศ์ ขับออกไปก่อน ขณะที่รถตำรวจขับออกไปทีหลัง
พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวชี้แจงว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในวันเกิดเหตุทางสารวัตรสืบสวนได้รับแจ้งจากสาย รายงานว่ามีคนจะมาส่งยา โดยใช้ยานพาหนะรถเก๋งสีดำ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปซุ่มตรวจเจอรถของผู้ร้อง อยู่ในที่เกิดเหตุพอดี จึงได้เข้าไปค้นตามพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีการแสดงบัตร แล้วไม่ได้ทำร้ายร่างกาย และที่เกิดเหตุเป็นที่โล่งแจ้ง เจอผู้ร้องนั่งอยู่ริมทางซุ่มอยู่ แล้วไปเจอภาพกำลังซื้อขายยาเสพติดในโทรศัพท์มือถือ มีการเสนอขาย ด้วยจิตวิญญาณของนักสืบคิดว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาโทรศัพท์ไปล่อซื้อ ไม่ได้เป็นความจริง ได้สอบถามผู้ร้องบอกว่า ไม่ได้พัวพันกับยาเสพติดแล้วเมื่อก่อนเคย ทางชุดสืบสวนจึงขอตรวจสอบรถ ทางตำรวจบริสุทธิ์ใจทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ร้องจะไม่พอใจยังไงก็แล้วแต่ ทางตำรวจไม่มีการทำร้ายร่างกาย ผู้ร้องมีประวัติพกพาอาวุธปืน และคดีปล้นเมื่อปี 2556 ส่วนที่บอกว่า มีการเรียกเงิน 200,000 บาท ไม่มีการเรียกเงินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข่าวปรากฎออกไปทางตำรวจได้รับความเสียหาย ในฐานะที่ตนเป็นผู้กำกับสถานีตอนนี้จะตนจะกู้ภาพลักษณ์ของตำรวจกลับคืน ตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณาพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาอีกครั้งในการที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ร้องเรียน