ทำดีได้ดี แม่บ้านดวงเฮง เก็บทองคำหนัก 2 บาทได้ริมถนนส่งให้ตำรวจตามหาเจ้าของครบ 1 ปีไม่มีใครมาแสดงตนเป็นเจ้าของ ตำรวจเรียกให้คนเก็บได้มารับคืน สุดดีใจน้ำตาอาบแก้ม
วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ สภ.เมืองสระบุรี พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาล ผกก.สภ.เมืองสระบุรี พ.ต.ท.ชูเชิด อนันต์สลุง รอง ผกก.หน.งานสอบสวนฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมอบทรัพย์สิน (สร้อยข้อมือ/กำไลข้อมือ) ทองคำหนัก 2 บาท คืนให้กับ น.ส.ปนัดดา ศรีมันตะที่เก็บ สร้อย และกำไล ข้อมือ หนัก ชนิดละ 1 บาท รวมน้ำหนักทองคำ 2 บาท มูลค่าราว 80,000 กว่าบาท ที่เก็บได้บริเวณริมถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ขณะที่ น.ส.ปนัดดา ขี่รถจักรยานยนต์กำลังจะไปทำงาน แต่ไม่เก็บไว้เป็นของตนเอง โดยได้ นำมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันให้ กับ พ.ต.ท.จิรเดช กันทะสาร สว.สส.สภ.เมืองสระบุรีเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศตามหาเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโชเชียล และช่องทางอื่นๆ เป็นเวลานานจวบจนกระทั่ง ครบ 1 ปีก็ไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้ง ให้ น.ส.ปนัดดา ฯ มารับทรัพย์ (ทองคำ) นั้นที่ตกเป็นของผู้เก็บได้ไปโดยปริยาย เนื่องจากว่าเป็นทรัพย์ที่เจ้าของสละทรัพย์แล้ว
ด้านพ.ต.ท.ชูเชิด อนันต์สลุง รอง ผกก.หน.งานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ได้มี น.ส.ปนัดนา ศรีมันตะ อายุ 51 ปี บ้านเดิมอยู่ที่เลขที่ 26 ม.3 ต.เขาวง แขวงลำไผ่ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร ปัจจุบันทำงานเป็นแม่บ้าน อยู่ที่บริษัทโชคพัฒนาพลัส ถ.บายพาสเสาไห้ อ.เมือง สระบุรี ได้เข้าพบ พ.ต.ท.จิรเดช กันทะสาร (สว.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ว่าเมื่อ วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ขณะตนขี่รถจักรยสยยนต์กำลังจะไปทำงาน ได้พบกระเป๋าใส่สตางค์ (เล็ก) แบบมีซิปรูดตกอยู่เปิดดูพบว่า มีสร้อย และกำไล ข้อมืออยู่ภายในวันรุ่งขึ้น (16 ก.ค.66) จึงนำสร้อย และกำไลข้อมือ ที่พบไปให้ร้านทองในตัวเมืองสระบุรี ตรวจเช็คดูและทราบว่าเป็น ทองคำแท้ จึงมีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแจ้งประกาศหาเจ้าของที่ทำตกหล่นไว้มารับคืนไป ซึ่งต่อมา พนักงานสอบสวนก็ได้ลงประกาศประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งโชเชียล และอื่นๆ จนกระทั่งครบเวลา 1 ปี ก็ไม่มีผู้ใดมาติดต่อหรือแสดงตนเป็นเจ้าของ พนักงานสอบสวน จึงติดต่อแจ้งให้ น.ส.ปนัดดา พลเมืองดีคนดังกล่าวมารับ ทรัพย์สินที่เก็บได้ ( สร้อยข้อมือ/กำไลข้อมือ) ทั้ง 2 รายการ ตามสิทธิของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1323 ดังกล่าว
หลัง พ.ต.ท.จิรเดช กันทะสาร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเจ้าของสำนวน ได้ทำบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานพร้อมมอบ สร้อย/กำไล ข้อมือ หนัก 2 บาท มูลค่าราว 80,000 กว่าบาท คืนให้ น.ส.ปนัดดา ฯ พลเมืองดี ถึงกับร้องไห้ปาดน้ำตาที่อาบแก้มด้วยความดีใจ พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณ พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาน ผกก.สภ.เมืองสระบุรี และ ผู้ใต้บังคับบัญชา ที่อำนวยความสะดวกให้ตนมารับ (สร้อยข้อมือ/กำไล) ทองคำคืน ทั้งๆที่ตนลืมไปแล้ว ที่ตนตัดสินใจ นำ(ทอง)มามอบให้ตำรวจตามหาเจ้าของหลังจากคิดอยู่ 1 วันว่าจะทำอย่างไรดี เพราะตนเข้าใจดีว่า คนเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าว คงจะเสียใจไม่น้อยที่ทำหาย อีกทั้งสิ่งของดังกล่าว ไม่ใช่ของตน ตนจึงได้เข้าพบตำรวจให้ช่วยเหลือติดตามเจ้าของคืนให้เจ้าของเขาไปแต่ก็ไม่มีผู้ใดติดต่อมาหรือแสดงตนว่าเป็นเจ้าของแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเป็นปี เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นว่า ตนมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นตามกฎหมายที่ระบุไว้ จึงแจ้งนัดให้ตนมารับสร้อย/กำไล ข้อมือทองคำคืน
น.ส.ปนัดดา พลเมืองดี ที่ทำดีแล้วมีโชคหล่นทับรายนี้ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หรืออาจเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อกวย” วัดโฆสิตาราม อ.สรรบุรี จ.ชัยนาท ที่ตนศรัทธา ดลบันดาลให้โชคตนก็เป็นได้ เพราะในวันที่ตนพบ กระเป๋าบรรจุ สร้อย/กำไล ข้อมือทองคำริมถนน นั้น ตนลืมสร้อยเชือกผ้าร่มที่มีรูปถ่ายหลวงพ่อกวย อัดกรอบพลาสติกที่ตนถอดไว้ที่บ้านจึงขี่รถย้อนกลับมา จึงได้พบเห็น สร้อย/กำไลข้อมือดังกล่าว