ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ทุกธุรกิจต้องเผชิญกับการดำเนินงานในภาวะที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับรายได้ของประชาชนในประเทศ จึงทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังปี 2567 ยังอยู่กับปัจจัยเสี่ยงทั้งการเมืองในประเทศที่ยังไม่นิ่ง และกำลังซื้อถดถอย ซึ่งเกิดขึ้นกับประชากรส่วนใหญ่ไม่จับจ่ายใช้สอย
ดูแลและคืนกำไรให้กับลูกค้า
ในเรื่องนี้ นายอัศวิน อิงคะกุล ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจโรงแรมในปัจจุบันที่ขึ้นอยู่กับการจับจ่ายของประชาชนส่วนใหญ่เป็นหลัก ว่า ในฐานะผู้ประกอบการต้องประคองธุรกิจในภาวะต้นทุนสูงไปให้ได้ ด้วยการลดต้นทุนธุรกิจเท่าที่จะทำได้ พร้อมกระตุ้นยอดขายรอบทิศทาง ให้พนักงานไปพบลูกค้ารายบุคคลมากขึ้น รวมถึงการออกแคมเปญส่งเสริมการขายในวาระสำคัญต่างๆ ที่มิราเคิล กรุ๊ป ทำมาตลอด เพื่อสร้างกระแสเงินสด เหมือนเป็นการดูแลลูกค้าและคืนกำไรให้ด้วย
ซึ่งตั้งแต่เกิดวิกฤติแพร่ระบาดของโรคโควิด จนถึงปัจจุบันทางกลุ่มธุรกิจโรงแรมของมิราเคิล กรุ๊ป มีอัตรากำไรสุทธิ หรือ มาร์จิ้น ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 10% โดยลดลงจากในอดีตที่เคยทำได้ถึง 20-30% ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ซึ่งปัจจัยที่น่ากังวล คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศที่ส่งผลกระทบเชื่อมโยงกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าจากวิกฤติโควิด รวมถึงปัญหากำลังซื้อถดถอย
ปรับกลยุทฑ์ไปตามสถานการณ์
ล่าสุด นายอัศวิน กล่าวว่า ในวันคล้ายวันเกิดของตนเองครบ 80 ปี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ได้คิดแคมเปญขึ้นมาเพื่อตอบแทนลูกค้าจำนวนมากที่คอยอุดหนุน ด้วยการจำหน่ายวอยเชอร์เพื่อใช้จ่ายที่โรงแรมในเครือมิราเคิล กรุ๊ป ทั้งการจองห้องพักและรับประทานอาหาร มูลค่าวอยเชอร์สูงกว่าราคาขาย เช่น ขายวอยเชอร์ราคา 10,000 บาท แต่มูลค่าที่ลูกค้านำไปใช้จ่ายได้จริงอยู่ที่ 15,000 บาท โดยสามารถขายวอยเชอร์ได้มากถึง 40 ล้านบาท ในวันเดียว โดยเฉพาะแพ็คเกจจัดงานแต่งงานที่โรงแรมในเครือปิดการขายได้ถึง 25 คู่คิดเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
ซึ่งในตลาดจัดงานแต่งงานในปัจจุบันแตกต่างไปจากอดีตมาก เนื่องจากคนรุ่นใหม่แต่งงานน้อยลง ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง จากเดิมเคยจัดงานขนาดใหญ่รับลูกค้าประมาณ 700-800 คน เหลือเพียง 200-300 คนต่องาน โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันมีลูกค้ามาจัดงานแต่งงานที่โรงแรมในเครือประมาณ 100 กว่าคู่ ขณะที่เดือนพฤศจิกายน ที่เป็นฤกษ์ดีของการจัดงาน ในปีนี้ได้ยอดจองจากลูกค้าเพียง 20 คู่เท่านั้น เปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2562 เคยได้คู่แต่งงานมากถึง 60-70 คู่ จึงทำให้ต้องพยายามเข้าหาลูกค้ามากขึ้น เพื่อทดแทนกำลังซื้อที่หายไป
หวังนทท.คุณภาพเข้าไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายอัศวิน กล่าวว่า แม้รัฐบาลได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ สะท้อนจากมาตรการอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น มาตรการยกเว้นวีซ่า จนมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวนมาก และตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันก็มีเรื่องอาชญากรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นในระยะยาวนโยบายด้านการท่องเที่ยวของไทย น่าจะ เน้นรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพ เข้ามาพำนักระยะยาว เพื่อป้องกันผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย
สำหรับ “มิราเคิล กรุ๊ป” มีการลงทุนทั้งเลานจ์ ในสนามบินสุวรรณภูมิ ทรานซิส โฮเทล เลานจ์-เดย์รูม ศูนย์อาหารเมจิก ฟู้ดพอยท์ ศูนย์อาหารเมจิก การ์เด้น ร้านอาหารเมจิกอร่อย สลิพ บ็อกซ์ ในสนามบินดอนเมือง และโรงแรมใหม่ อัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่นที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ซึ่งในปัจจุบันภาพรวมของธุรกิจที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฟื้นตัวประมาณ 70% ทำให้มิราเคิล กรุ๊ปกลับมาเปิดบริการมิราเคิล เลาจน์ ทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ รวมถึงลงทุนที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น ขณะที่สนามบินดอนเมือง ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ จึงทำให้สามารถากลับมาเปิดบริการต่างๆในสนามบินเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง