เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 ก.ค.ที่สโมสรทหารบก  ถ.วิภาวดีรังสิต นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดใหญ่ที่มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ และทำลายเสา สาย ซิม ได้มีการพูดคุยกับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อย่างไรบ้างว่า เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากที่ตนเดินทางไปที่อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และมีการสั่งตัดคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ไปแล้ว  รวมถึงได้มีการพูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ในเรื่องการขอความร่วมมือ แล้วเมื่อ 10.00 น ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หารือกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา  และเข้าใจว่าสัปดาห์หน้าผบ. ตร.จะเดินทางไปกัมพูชา เพื่อไปขยายผลต่อ ขอย้ำว่าเรื่องนี้เราให้ความสำคัญเต็มที่อยู่แล้ว 

 

เมื่อถามว่า เราดึงเรื่องการท่องเที่ยวเข้ามา แต่ก็มีทุนสีเทาแฝงเข้ามากับการท่องเที่ยว ทำให้มีผลกระทบกับการท่องเที่ยวของไทย จะมีการประชุมใหญ่ เพื่อป้องกันเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำอยู่ตลอด เมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค.เวลา 20.00 น.ตนพบกับพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ก็ได้กำชับเรื่องจีนสีเทา และเรื่องการขยายผลการจับกุมป้ายโฆษณาซื้อขายพาสปอร์ต 4 สัญชาติ ที่สี่แยกห้วยขวาง ซึ่งตรงนี้พล.ต.ท.ธิติ ระบุว่าได้มีการจับกุมผู้หญิงชาวจีนไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการจับกุมผู้ชายได้อีก ซึ่งเขากำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ แต่เราจับได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และอยู่ในช่วงการขยายผล ซึ่งตรงนี้ผบช.น.จะเป็นผู้แถลงข่าวเอง ตนไม่อยากพูดเยอะเดี๋ยวจะเสียรูปคดี   แต่ยืนยันว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการต่อไป 

 

เมื่อถามว่า สินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาจะส่งผลในเรื่องการค้าขายของประเทศเราด้วยจะดำเนินการอย่างไร  นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงที่มีความผันผวนมาก และมีการผ่านถ่ายสินค้าทั่วโลกเข้ามา มันเป็นเรื่องการแข่งขันทางการค้า ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านก็ทราบดีอยู่แล้วเรื่องการเก็บภาษี (VAT)  ที่สินค้ามีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท เราก็มีการออกมาตรการไปแล้ว รวมถึงเรื่องการตรวจและเอกซเรย์ตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ตนเชื่อว่าตรงนี้เราพยายามอย่างเต็มที่ทุกคน 

 

จากนั้นเวลา 14.26 น.นายกฯได้โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น X ถึงเรื่องความคืบหน้าในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 ว่า  “ จากการหารือของผมและท่านฮุน มาแนต นายกฯ กัมพูชา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งต่อให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไทยหารือร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง วันนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของทั้ง  2 ประเทศได้ประชุมร่วมกัน มีความคืบหน้าไปมากครับ

 

ฝ่ายไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับกัมพูชา โดยเฉพาะข้อมูลทางคดีที่ตำรวจไทยออกหมายจับคนไทยที่ไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยังหลบหนีอยู่ในกัมพูชา โดยขอให้ทางการกัมพูชาจับกุมและส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย

 

ทั้งนี้ไทยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 5 จุด และขอให้ทางกัมพูชาสืบสวนจับกุม พร้อมขยายผลถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่ร่วมขบวนการดังกล่าวด้วย

 

ขณะเดียวกันก็ขอขอบคุณฝ่ายกัมพูชาที่ร่วมมือในการสืบสวนปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามที่ไทยให้ข้อมูล ทั้งนี้ทางกัมพูชายังได้ขอให้ไทยช่วยสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ซึ่งตำรวจทั้ง 2 ประเทศ จะตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานร่วมกันที่กัมพูชาในช่วงต้นสิงหาฯ นี้ครับ“