ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2567 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตั้งแต่เข้าสู่เดือนกรกฎาคม เพราะเป็นที่รู้กันจะเป็นช่วงที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เตรียมจัดบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร หรือที่เรียกว่าโผทหารเพื่อเตรียมที่จะส่ง กลาโหมในกลางเดือนสิงหาคม ของทุกปี

ครั้งนี้ ถือเป็นโผครั้งใหญ่ครั้งแรกของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พลเรือน และมี สุทิน คลังแสง  เป็น รมว.กลาโหมพลเรือน

โดยก่อนหน้านี้ เคยมีการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี เมื่อเมษายน 2567 มาแล้ว ถือว่า สุทิน และ เศรษฐา มีประสบการณ์ในขั้นตอนการจัดโผทหารมาบ้างแล้วแต่ ทว่าครั้งนั้น เป็นการโยกย้าย เล็กๆ แต่โผนี้เป็นโผใหญ่ และสำคัญเพราะจะต้องมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบก คนใหม่ เนื่องจาก “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. จะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้

นอกจากนี้ ยังต้องมีการแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่แทน พล.ร.อ. อะดุง พันธุ์เอี่ยม  ผบ.ทร. ที่จะเกษียณเช่นกัน

ไม่แค่นั้นยังต้องมีการเตรียมวางนายทหารที่จะขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารอากาศ คนใหม่ เพื่อเตรียมขึ้นในปลายปี 2568 แทน พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล  ที่จะเกษียณราชการ

โดย ผบ.เหล่าทัพ ได้เคยมี ประสบการณ์ในการจัดโผทหารกับ สุทิน ในการหารือของคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ของกระทรวงกลาโหม หรือที่เรียกว่า “บอร์ด 7 เสือกลาโหม” มาแล้ว แต่ในยุคนี้มีแค่ “6เสือกลาโหม” เนื่องจากไม่มีรัฐมนตรีช่วยกลาโหม

ที่ร้อนที่สุดคือ การตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ที่เดิมมีชื่อของ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์  เสธ.ทบ. เป็น เต็งหนึ่ง  แต่การที่ พล.อ.พนา เป็นผู้ช่วย ผบ. ทบ. ในการโยกย้ายใหญ่ปลายปี 2566 ที่ผ่านมาจึงทำให้เกิดกระแสข่าวลือตามมาว่า “สัญญาณเปลี่ยน” จากที่ พล.อ.พนา  เคยเข้าฟาสต์แทร็ค จากรองแม่ทัพภาค 1 ได้ไฟเขียวไป ฝึกหลักสูตรทหารคอแดงแล้วก็ขึ้น เป็นแม่ทัพภาค 1 เลย เข้า ไลน์เตรียมขึ้นห้าเสือทบ.และเป็นผบ.ทบ.

แต่ชื่อของ “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ มาแรงแซงโค้ง ตั้งแต่ได้ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. เก้าอี้ที่ พล.อ.พนา เล็งจะนั่ง แต่ที่สุดก็ได้เป็น เสธ.ทบ. ซึ่งคุมงานสำคัญมากกว่า รวมทั้ง เป็นเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ( กอ.รมน.) แต่ ผช.ผบ.ทบ. อาวุโสกว่า จึงทำให้ พล.อ.ธราพงษ์ ถูกจับตามองจากที่เคยเป็นตัวเต็งแม่ทัพภาค 1 แต่ พล.อ.พนา รุ่นน้องตท.26 ก็มาตัดหน้า  ในตอนนั้น

ประกอบกับ ผบ.เหล่าทัพ ชุดปัจจุบัน  มีนายทหารรุ่นพี่ ตท.24 มากถึง 3 คน คือ พล.อ.สนิธชนก พล.อ.ทรงวิทย์ และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี  ที่สนับสนุน พล.อ.ธราพงษ์ เพื่อนร่วมรุ่น เป็น ผบ.ทบ. เพราะหากให้ พล.อ.พนา ขึ้นเป็นผบ.ทบ. เลยแล้วรุ่นพี่ ที่อยู่ใน กองทัพบกหลายคน จะอยู่ตรงไหน

เพราะหากนับแคนดิเดตผบ.ทบ. มีเตรียมทหารรุ่น 24 ถึง 3 คนทั้ง พล.อ.ธราพงษ์ และ “บิ๊กหยอย” พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผบ.ทบ.และ “บิ๊กต้น” พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก หาก พล.อ.พนา ขึ้นเป็นผบ. ทบ. แล้วจะจัดวางรุ่นพี่ไปไว้ตรงไหน เหล่านี้ จึงทำให้ พล.อ.ธราพงศ์ อาจได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. คนใหม่

แต่ทว่า ฝ่าย พล.อ.พนา ก็ยังนิ่ง โดยทีมสนับสนุน มั่นใจว่า สัญญาณ ที่ให้เป็นผบ.ทบ.นั้นยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง  ทั้งในกองทัพบก เตรียมทหารรุ่น 26 ก็เติบโต ขึ้นมาพร้อมรองรับ พล.อ.พนา เป็น ผบ.ทบ. แล้ว ขณะที่ กองทัพเรือ ก็เข้มข้น  เพราะมีแคนดิเดท ผบ.ทร.คนใหม่ ถึง 3 คน 

ทั้งนี้มีรายงานว่า แคนดิเดท ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ มี 3 คนคือ ที่คาดว่า พล.ร.อ.อะดุง จะเสนอชื่อ “บิ๊กโอ๋” พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วย ผบ.ทร. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.23  เป็น ผบ.ทร.คนใหม่ แต่ทว่าจะอาวุโส น้อยกว่า “บิ๊กวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผบ.ทร. ที่อาวุโสมากสุด แม้จะเป็นรุ่นน้อง เตรียมทหาร 25 แต่เกษียณ 2568 พร้อมกับ พล.ร.อ. ชลธิศ รวมทั้ง “บิ๊กน้อย” พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ แต่ทว่ามีกระแสหนุนจาก ตท.24

แต่หลักการโยกย้ายทหาร แม้จะอาวุโสสุด แต่ถ้าไม่ใช่พวก ไม่ใช่ขั้วอำนาจนี้ ก็ยากที่ พล.ร.อ.สุวิน จะฝ่าด่านนี้ไปได้  เพราะจะเป็นการ เปลี่ยนขั้วอำนาจ ใน ทร. เลยทีเดียว โดยที่ ฝ่ายการเมือง ก็ยากที่จะแทรกแซงล้วงลูก  เพราะเป็นอำนาจของ บอร์ด 6 เสือกลาโหม ที่มี สุทิน เป็นประธาน ร่วมด้วย ปลัดกห. ผบ.ทหารสูงสุด  ผบ.ทบ. ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.

พล.ร.อ. อะดุง กล่าวว่า แคนดิเดททุกคนเพียบพร้อมหมด แต่ขอใช้เวลาเลือกให้ดีที่สุด และ จะไม่ทำให้น้องๆ ในกองทัพเรือผิดหวัง และจะไม่ทำให้ประชาชนคนไทยผิดหวัง กองทัพเรือจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ และจะยังยึดหลักเกณฑ์เก่าๆที่เคยใช้ เราก็ยังคงใช้ได้หมด รวมทั้ง เรื่องรุ่น

ทั้งนี้ สุทิน รมว.กลาโหม ยังไม่ได้แจ้ง ผบ.เหล่าทัพ ให้ส่งโผเมื่อใด แต่ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม  นัดหมาย ผบ.เหล่าทัพ ให้ส่งภายใน 15 สิงหาคม นี้ ท่ามกลางการจับตามองว่า ในยุครัฐบาลประชาธิปไตย และ รมว.กลาโหม พลเรือน เช่นนี้ จะถึงขั้น ต้องโหวต ใน บอร์ด 6 เสือ กห. หรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. ที่ ตท.24 และ ตท.26  กำลังขับเคี่ยวกันเข้มข้น

แม้ว่าที่ผ่านมา จะไม่เคยมีถึงขั้นต้องโหวต ในที่ประชุม 6 เสือกลาโหม ก็ตาม แต่มีการพูดคุยตกลงล็อบบี้กันนอกรอบก่อน ยกเว้นตกลงกันไม่ได้ จึงใช้การโหวต แต่การโหวตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในยุคที่ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เป็นรมว.กลาโหม ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หลังจากที่ สุทิน ได้เคยประกาศว่า จะคืนความชอบธรรมและดูแลให้การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปอย่างเป็นที่ยอมรับและไม่มีการกลั่นแกล้ง รังแกกัน แต่จะไม่ให้เอาเรื่องระบบรุ่นมา ลดศักยภาพของกองทัพ

จนเกิดกระแสข่าวว่าฝ่ายการเมืองไม่ต้องการให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นเตรียมทหารรุ่นเดียวกันหมด โดยเฉพาะเตรียมทหารรุ่น 24 ที่มีผบ. เหล่าทัพ คุมกำลังอยู่แล้วถึง 3 คน และจ่อจะชิงเก้าอี้ผบ. ทบและ ผบ.ทร.

แต่หากย้อนไปดูการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อเมษายนที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของ สุทิน กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่เป็นเตรียมทหารรุ่น 24 เป็นไปด้วยดีถึงขั้นที่ สุทิน สละโควตา นายพล ให้  พล.อ.สนิธชนก จัดเพื่อนร่วมรุ่นขึ้นมาเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งก่อนเกษียณ ในกลาโหมมากถึงกว่า 30 คนจนกลายเป็นที่ฮือฮามาแล้ว

ดังนั้นฝ่ายการเมือง หรือ สุทิน อาจจะ สนับสนุน เตรียมทหารรุ่น 24 เพราะ พล.อ.ทรงวิทย์ ก็สนิทสนมใกล้ชิดกับ เศรษฐา และ เป็นที่ไว้วางใจของ สุทิน เอง รวมถึง พล.อ.สนิธชนก อีกทั้งแคนดิเดตผบ. ทบก็ถือว่าคุณสมบัติครบ ทั้ง พล.อ.ธราพงษ์ ที่เป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดง และ พล.อ.พนา ซึ่งเป็น วงษ์เทวัญคอแดง

ดังนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ใน ยุครัฐบาล พลเรือน นายกฯพลเรือนและรมว.กลาโหมพลเรือน