นับถอยหลังศึกชิง “ผู้นำสหรัฐฯ” จากวันนี้ไปถึงเดือนพฤศจิกายน เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ชาวสหรัฐฯ จะได้ประธานาธิบดีคนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ แทน “โจ ไบเดน” ที่เพิ่งประกาศถอนตัว ไม่ลงชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ ฯ อย่างเป็นทางการ
เมื่อโจ ไบเดน ถอยออกจากสนาม ไม่ลงชิงชัย และประกาศสนับสนุน “กมลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดี ขึ้นเป็นตัวแทนพรรคอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้สนามเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามานั้นมีสีสัน และคึกคักขึ้นมาทันที
เมื่อแฮร์ริส กลายเป็นผู้ท้าชิง กับ “โดนัล ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ทำให้หลายฝ่ายมองว่าทรัมป์ จะเจอกับการบ้านข้อยากหรือไม่ เพราะเดิมแผนการหาเสียงของเขาคือการสู้กับไบเดน ซึ่งถูกโจมตีด้วยปัญหาเรื่องวัยที่มีอายุมากแล้ว 81 ปี ประกอบกับเรื่องของสุขภาพ
ส่วนตัวทรัมป์ เองแม้จะมีอายุ แต่ก็ถือว่ายังน้อยกว่าไบเดน อยู่ดี แต่เมื่อพรรคเดโมแครต เปิดตัวแฮร์ริส ในวัย 59ปี เธอจึงกลายเป็น คู่แข่งที่หักล้างเงื่อนไขเดิมๆที่ไบเดน เคยมาลงไปได้หมด ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.ค.67 ที่ผ่านมา แฮร์ริส ได้ปราศรัยหาเสียงครั้งแรกที่รัฐวิสคอนซิน
สำหรับประวัติส่วนตัวของแฮร์ริส เป็นลูกครึ่งอินเดีย -จาเมกา เกิดเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 1964 ที่โอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปริญญานิติศาสตร์จากวิทยาลัยกฎหมายฮาสติงส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สมรสกับ ดอจ เอ็มฮอฟฟ์
ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่แฮร์ริส จะลงมาเล่นการเมือง คือการเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ต่อมาใน ปี 2017-2021 แฮร์ริส ได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2019
ต่อมาการเลือกตั้งในปี 2020 ได้รับเลือกเป็นผู้สมัครรองประธานาธิบดีคู่กับโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2021 ซึ่งจากการได้รับตำแหน่งรองประธานาธิบดี ครั้งนี้นี่เอง ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรก ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา