"สตม." สนธิกำลังนครบาลรวบ "หนุ่มชาวจีน" เป็นสามีหญิงสาวชาวจีนที่รับจ้างติดป้ายขายพาสปอร์ต สี่แยกห้วยขวาง พบเป็นบุคคลที่ทางการจีนต้องการตัว ขณะทึ่สาวจีนถูกส่งตัวกลับแล้ว พร้อมสั่งแบล็คลิสต์ด้วย
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. ร่วมกันขยายผลกรณีมีผู้ติดตั้งป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ตภาษาจีนที่บริเวณแยกห้วยขวาง กรุงเทพฯ จากการสืบสวนพบว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องคือ นายซิน หลิง อายุ 33 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเกี่ยวข้องกันเป็นสามีของ นางซู น่า อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้
จากการสืบสวนทราบว่า นายซิน หลิง เป็นบุคคลตามหมายจับของประเทศจีน ในข้อหา ซื้อขายบัตรประจำตัว และเป็นบุคคลที่ทางการประเทศจีนต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี ชุดสืบสวน สตม. จึงได้ทำการลงระบบเฝ้าระวังของ สตม. และขออนุมัติเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวของ นายซิน หลิง ไว้แล้ว
ต่อมา พบว่า นายซิน หลิง อยู่ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและเตรียมออกนอกประเทศ จึงได้จับกุม อย่างไรก็ตามตรวจสอบพบว่า ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแล้ว จากนั้นจึงได้นำตัว นายซิน หลิง ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า จากการขยายผลพบว่า นายซิน หลิง เกี่ยวข้องเป็นสามีของ นางซู น่า โดยจากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของนายซิน หลิง ที่ตรวจยึด พบว่ามีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ประกาศบนป้ายโฆษณาภาษาจีนที่บริเวณแยกห้วยขวาง อีกทั้งจากการซักถามปากคำ นางซู น่า รับว่าได้นำโทรศัพท์มือถือของนายซิน หลิง สามี ไปใช้ เพื่อเตรียมตัวติดต่อกับลูกค้าที่จะมาใช้บริการทำหนังสือเดินทางตามที่ประกาศไว้บนป้ายโฆษณา แต่ยังไม่มีลูกค้าติดต่อมาแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันในส่วนของนางซู น่า พนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ได้นำตัวฟ้องดำเนินคดีต่อ ศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุก รอลงอาญา 1 ปี ตามคดีดำที่ อ.4242/2567 คดีแดงที่ อ.4259/2567 จากนั้นจึงได้ทำการลงระบบบุคคลต้องห้ามของ สตม. (Blacklist) ห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ส่วนนายซิน หลิง ขณะนี้อยู่ระหว่างผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป