วันที่ 25 ก.ค.67 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" ระบุว่า...
ผู้ป่วยชายอายุ 24 ปี เริ่มมีอาการแขนชาทั้ง 2 ข้างตั้งแต่เหนือข้อศอกลงไปถึงปลายนิ้วมือ และขาชาทั้ง 2 ข้างตั้งแต่เหนือหัวเข่าลงไปถึงปลายเท้า เดินลำบากเนื่องจากการทรงตัวไม่ดี ต้องถือไม้เท้าเป็นเวลา 3 เดือน มือแขน และขายังไม่อ่อนแรง
ผู้ป่วยเริ่มสูดดมก๊าซหัวเราะ 1 ปี ใช้มากขึ้น 6 เดือนที่ผ่านมา เดือนที่แล้วใช้ถึงวันละ 400 หลอดโลหะก๊าซหัวเราะใน 1 เดือน ต้องเสียเงินซื้อหลอดโลหะก๊าซหัวเราะมากกว่า 1 แสนบาทในเดือนสุดท้าย
การรักษา : แนะนำให้หยุดใช้ก๊าซหัวเราะ ฉีดวิตามินบี 12 วันละ 1 ครั้งเข้ากล้ามติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ให้มาฉีดแบบคนไข้นอก อาการชาลดลงเหลือแค่ชาปลายมือปลายเท้า การทรงตัวดีขึ้น กลับมาเดินได้ปกติ ลดฉีดวิตามิน B12 เหลือสัปดาห์ละครั้ง ติดตามต่อไป
ความผิดปกติทางระบบประสาทเกิดจากก๊าซหัวเราะหรือก๊าซไนตรัสออกไซด์ (N2O) เข้าไปในร่างกายขัดขวางการทำงานของวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างสารไมอีลินเนื้อเยื่อไขมันที่ทำหน้าที่เป็นปลอกประสาท ทำให้เกิดภาวะไขสันหลังเสื่อม (Myelopathy) และปลายประสาทเสื่อมสภาพ (Peripheral neuropathy)
ผู้ป่วยรายนี้มีอาการผิดปกติทางปลายประสาทเสื่อมสภาพ มีอาการแขนขาชา และการทรงตัวไม่ดี คล้ายกับผู้ป่วยที่ขาดวิตามินบี 12
แนะนำให้วัยรุ่นหลีกเลี่ยงการสูดดมก๊าซไนตรัสออกไซด์ ความสุขชั่วครู่ชั่วยามจากการสูดดมก๊าซหัวเราะไม่คุ้มค่ากับความเจ็บป่วยพิการตลอดชีวิต
เราต้องช่วยกันสื่อสารให้สังคมรับรู้ถึงอันตรายจากผลข้างเคียงระยะยาวของก๊าซหัวเราะ ก่อนที่วัยรุ่นไทยจำนวนมากจะทุพพลภาพ พิการและช่วยตัวเองไม่ได้จากการสูดดมก๊าซหัวเราะต่อเนื่องเป็นเวลานาน สร้างภาระให้กับครอบครัวและประเทศ