วันที่ 25 ก.ค.67 ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ได้ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา พบว่าวันนี้ (25 ก.ค. 67) ปริมาณน้ำทางตอนบนที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 1,135 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 5.26 เมตร ทางด้านเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ยังคงปรับลดการระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มภาคกลาง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และกระชังเลี้ยงปลา ควบคู่กับการใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกรับน้ำเข้าตามศักยภาพของลำน้ำ เพื่อให้เกษตรกรได้นำไปใช้ประโยชน์ ช่วยลดผลกระทบในพื้นที่ตอนล่าง ปัจจุบันรับน้ำเข้าทั้งสองฝั่งรวมกัน 520 ลบ.ม.ต่อวินาที
ในส่วนของเขื่อนเจ้าพระยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 800 ลบ.ม./วินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 6 เมตร ทั้งนี้ มวลน้ำได้ล้นข้ามตลิ่งแม่น้ำน้อยในช่วงที่ตลิ่งต่ำ ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ ต.บ้านกระทุ่ม ต.หัวเวียง และ ต.รางจรเข้ อำเภอผักไห่ และ ต.ท่าดินแดง อำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาผักไห่ สำนักงานชลประทานที่ 12 ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบ พร้อมกับเตรียมติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเพื้นที่การเกษตรแล้ว
สำหรับสถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 9,746 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด สามารถรองรับปริมาณน้ำได้รวมกันอีกกว่า 15,129 ล้าน ลบ.ม.
กรมชลประทาน จะเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาพฝน พร้อมรักษาเสถียรภาพของอ่างเก็บน้ำ และลำน้ำ เพื่อป้องกันหรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ ให้โครงการชลประทานทุกแห่ง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย