บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เตรียมส่งมอบ NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ถึงมือลูกค้ากลุ่มแรกจำนวน 250 คัน พร้อมการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่ เอ็มจี ฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์ เอ็มจี ในระดับโลก ทาง เอ็มจี ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่สามารถส่งมอบสปอร์ตโรดสเตอร์อีวี ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถ MGB ในอดีต รวมถึงรถรุ่นนี้ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรกที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย มาพร้อมการเพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่กล้าลงมือทำก่อนใคร มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่และสร้างความมั่นใจครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการยานยนต์ไทยยกระดับไปอีกขั้น สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถชมรถ NEW MG CYBERSTER คันจริงได้ที่ ศูนย์บริการ MG EVolution Showroom ทั่วประเทศ
NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งพวงมาลัยขวาอย่างเป็นทางการ โดยสปอร์ตโรดสเตอร์อีวีรุ่นนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากการออกแบบโดย SAIC’s Advanced Design Studio ในลอนดอน สหราชอาณาจักร สะกดทุกสายตาด้วยประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อป มาพร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แบบมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า มาพร้อมดีไซน์การออกแบบอย่างพิถีพิถัน สะท้อนกลิ่นอายความสปอร์ตสุดคลาสสิกทั้งภายในและภายนอก อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ครอบคลุมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบ โดยมีสีภายนอกให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง (Flame Red) สีเหลือง (Photon Yellow) และสีบรอนซ์เงิน (Bullet Silver) พร้อมภายในห้องโดยสารสีทูโทน โดยสีทูโทนดำ-แดง จะจับคู่สีกับรถภายนอกสีแดง และสีเหลือง ส่วนสีทูโทนเทา-ขาวจะจับคู่สีกับรถภายนอกสีบรอนซ์เงิน
ทั้งนี้ เอ็มจี เริ่มทยอยส่งมอบให้ลูกค้ากลุ่มแรก 250 คัน ในปลายเดือนกรกฎาคม 2567 นี้ เป็นต้นไป