วันที่ 24 กรกฎาคม ที่หาดน้ำใส อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)  กล่าวถึงกรอบเวลาในการส่งบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย ของกองทัพเรือ ว่า นายสุทิน คลังแสง  รมว.กลาโหม  ยังไม่ได้แจ้งให้ส่งเมื่อไหร่ แต่เป็นหน้าที่ของผู้บัญชาเหล่าทัพที่จะต้องส่งอยู่แล้ว โดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้ส่งภายในวันที่ 15 สิงหาคม นี้

ส่วน คุณสมบัติของคนที่จะมาเป็น ผบ.ทร.คนใหม่นั้น พล.ร.อ. อะดุง กล่าวว่า ทุกคนเพรียบพร้อมหมด  ตนขอใช้เวลาเลือกให้ดีที่สุด  และจะไม่ทำให้น้องๆ ในกองทัพเรือผิดหวัง และจะไม่ทำให้ประชาชนคนไทยผิดหวัง กองทัพเรือจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ  ส่วนหลักเกณฑ์ในการพิจารณานั้น เป็นเกณฑ์เก่าๆที่เคยใช้ เราก็ยังคงใช้ได้หมด  รวมทั้ง เรื่องรุ่น

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมได้สอบถามว่ามีใครในใจบ้างหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า ท่านไม่ได้ก้าวก่ายเลย

ทั้งนี้มีรายงานว่า แคนดิเดต ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ มี3 คนคือ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผบ.ทร. ที่อาวุโสมากสุด แม้จะเป็นรุ่นน้อง เตรียมทหาร 25 แต่เกษียณ 2568 พร้อมกับแคนดิเดท อีก2คน คือ "บิ๊กโอ๋"  พล.ร.อ.ชลธิศ  นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วย ผบ.ทร.  (ตท.23) เพื่อนร่วมรุ่นของพลเอกอะดุง  และ "บิ๊กน้อย" พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง  เสนาธิการทหารเรือ   (ตท.24) 

ส่วนการปรับปรุงสมุดปกขาว ทร. นั้น พล.ร.อ.อะดุง  กล่าวว่า สมุดปกขาวได้จัดทำขึ้นในยุคที่ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ท่านที่แล้ว  ซึ่งช่วงที่ ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ทร.  1 ปีนี้ยังใช้เล่มเดิมได้อยู่ ก็คงเป็นหน้าที่ของ ทร. ปีต่อไป และผบ.ทร.ท่านต่อไปที่จะทบทวน  ปีนี้เป็นการทบทวนในลักษณะของปรับโครงสร้างทร. และใกล้จะอนุมัติแล้ว ซึ่งการปรับโครงสร้างจะยาวไปถึงปี 2580 โดยยังคงเป้าหมายเดิมในการจัดหาเรือฟริเกตเข้าประจำการให้ครบ8 ลำตามแผน  พร้อมไปกับการดูสถานการณ์ประเทศรอบบ้านเรา และมาพิจารณาการเสริมสร้างกำลังรบทางเรือและเครื่องบินให้กองทัพเรือให้สอดคล้องกัน ซึ่งเท่าที่ดูประเทศรอบบ้านก็มีภัยคุกคามภายในของตัวเองอยู่

พล.ร.อ. อะดุง   กล่าวถึงแนวทางการบริหารจัดงบประมาณให้ต่อเนื่องหากรัฐบาลอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงสัญญาเรือดำน้ำและเดินหน้าโครงการต่อว่า หากเราได้โครงการเรือดำน้ำแล้ว ทร. ยังมีความจำเป็นต้องมีเรือผิวน้ำ เพราะมีหน้าที่รับผิดชอบทะเลที่ไกลถึง200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง ซึ่งเรือเล็กไปไม่ได้ เพราะคลื่นลมแรง เราจำเป็นต้องมีเรือรบขนาดใหญ่ออกลาดตระเวน เพื่อให้รอบบ้านทราบว่า รั้วของประเทศอยู่ตรงไหน

“เมื่อเราได้เรือ และ เครื่องบินแล้ว เราจะบริหารงบประมาณที่รัฐบาลให้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยงบประมาณของกองทัพเรือยังเท่าเดิม เแต่ราจะบริหารให้ได้ อยู่อย่างประหยัด และทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เพื่อตอบโจทย์ว่าเราจะรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเล และพร้อมที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลด้วย” พล.ร.อ.อะดุง กล่าว