"ศาลรัฐธรรมนูญ" นัดตัดสินคดี 40 สว.ยื่นถอดถอน "เศรษฐา" พ้นนายกฯ ปมตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" นั่งรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ "สมชาย" เตรียมยื่นแถลงปิดคดีต่อศาล“รธน.” มั่นใจมีรายละเอียด ข้อเท็จจริง เอาผิด "เศรษฐา" ได้แน่นอน
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) ได้นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 2) เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากผู้ถูกร้องที่เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 และเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567
ทั้งนี้ ผลการประชุมเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ศาลพิจารณาเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567
ผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาให้เรียกข้อมูลเพิ่มเติมและรอคำชี้แจงและพยานหลักฐานจากหน่วยงานหรือบุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเรียกไปก่อนหน้านี้กำหนดนัดพิจารณาคดีต่อไปในวันพุธที่ 24 ก.ค.67
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการประชุมวันที่ 24 ก.ค. มีดังนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดีให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 67
ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ24 ภายในวันพุธที่ 31 ก.ค.นี้ ส่วนคำร้องที่ผู้เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้รวมไว้ในสำนวนคดีศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ และลงมติในวันพุธที่ 14 ส.ค.67 เวลา 09.30 น. นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 นาฬิกา เป็นต้นไป
ด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. ในฐานะผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีทำผิดจริยธรรมร้ายแรงประเด็นการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุติไต่สวนและให้คู่กรณีแถลงการณ์ปิดคดีเป็นหนังสือ ตนฐานะผู้ร้องจะยื่นคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญตามกำหนดเวลา โดยรายละเอียดจะทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นและวินิจฉัยได้ว่านายเศรษฐามีความผิดหรือไม่ ในประเด็นรู้หรือควรรู้ว่าการนำชื่อบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามทั้งที่รู้หรือควรรู้นั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับประเด็นที่เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานคือ นายเศรษฐา ,นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความ
นายสมชาย กล่าวว่า หากศาลได้ไต่สวนจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขั้นตอนธุรการตามที่อ้างว่าเป็นเรื่องของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจคุณสมบัติตามขั้นตอนราชการ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจลงนามด้วย ส่วนกรณีของนายปกรณ์นั้น คือการทำหนังสือสอบถามกฤษฎีกาที่พบว่าสอบถามแค่ครั้งแรก และเลือกถามแค่บางข้อ ทั้งที่ในวิสัยแล้วต้องถามให้ครบทั้งมาตรา ดังนั้นการเลือกถามจึงเป็นความผิดปกติ ส่วนประเด็นของนายเดชอุดมเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการถอดใบอนุญาตทนายความ ซึ่งเป็นการพิจารณาตามที่เลขาธิการศาลยุติธรรมสมัยนั้นทำหนังสือให้พิจารณา เพราะมีกรณีของถุงขนม 2 ล้านบาท ซึ่งคำสั่งศาล ที่เทียบเท่าคำพิพากษาให้จำคุก
“การที่เลขาธิการศาลยุติธรรมมีหนังสือส่งไปสภาทนายความพิจารณาถอนใบอนุญาตทนายความ จนถึงตอนนี้ นายพิชิตและพวกรวม 3 คน ยังไม่ได้รับการคืนใบอนุญาตจากสภาทนายความ แม้นายพิชิตจะมีการฟ้องศาลปกครองในกรณีขอคืนใบอนุญาตทนายความ แต่ศาลปกครองได้พิพากษายืนตามสภาทนายความ ดังนั้นจะชี้ให้เห็นว่าเป็นการทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจริงหรือไม่ คำแถลงปิดคดีของผมจะชี้ให้เห็นว่านายเศรษฐานั้นทำผิดอย่างไร จึงเสนอให้ศาลพิจารณาสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้ครม.พ้นไปทั้งคณะด้วย แต่ในวันที่ศาลวินิจฉัยจะมีผลไปในทางใดผมพร้อมเคารพ ส่วนตัวเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในขั้นตอนทำคำแถลงปิดคดีจะทำให้รัดกุมชี้ให้เห็นทุกกรณี เชื่อมั่นว่านายเศรษฐาน่าจะมีความผิด” นายสมชาย กล่าว