วันที่ 24 ก.ค.2567 อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรม “ISAN Moving Green Forward ก้าวไปข้างหน้า เพื่อโลก เพื่อเรา ชาวอีสาน” ซี่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นโดยมีผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในความรับผิดชอบของสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 4-7 เข้าร่วมกิจกรรมอย่งพร้อมเพรียง

โดยนางดวงดาว กล่าวว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมของไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอก ทำให้เกิดความผันผวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม (DIPROM) ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออุตสาหกรรมที่ยั่งยืนผ่านกลไก 3 ด้าน  ทั้งในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Green Productivity,ด้านการพัฒนาการตลาด Green Marketing และด้านสินเชื่อ Green Finance ซึ่งในการกำหนดจัดกิจกรรในภาคอีสานวันนี้ จะเน้นหนักในกระบวนการรับรู้ให้ภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการลดใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง ลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการผู้ประกอบการมาร่วมนำเสนอองค์ความรู้และประสบการณ์ในการต่อยอดธุรกิจยุคใหม่สู่สังคมคาร์บอนต่ำ มีการบริหารจัดการด้านอุตสาหกรรมสีเขียว รวมทั้งการอัพเดทเทรนด์ตลาด บรรจุภัณฑ์ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามกระแสรักษ์โลกที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้

ซึ่งในปี 2567 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้กำหนดแผนโปรเจกต์กรีนที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรเชิงพื้นที่เพื่อสุขภาพและความงาม,การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากซุปเปอร์ฟู้ด,การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเส้นใยชีวภาพ,การเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจด้ยโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน,การพัฒนาผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล,การพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงจากชีวมวลและการสร้างความตระหนักและการพัฒนาองค์ความรู้ด้าน BCG ที่มุ่งสร้างการรับรู้และจูงใจให้ผู้ประกอบการในภาคอีสานให้เห็นถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ พร้อมปรับตัวเองรองรับกับกฎหมายและกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดภาวะโลกรอนที่เป็นความท้าทายต่อภาคการผลิตของไทยในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ นางดวงดาว กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ใช้นวัตกรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตามแนวทางเศรษบกิจหมุนเวียน เศรษบกิจสีเขียว และสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเชื่อมโยงสู่การขอมาตรฐานหรือฉลากสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าการบกระดับผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคอีสาน 300 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 61.5 ล้านบาท ขณะที่ทั้งประเทศตั้งเป้าผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 1,800 รายสร้างมูลค่าทางเศรษบกิจรวมกว่า 1,350 ล้านบาท และนำร่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอัสาหกรรมทั่วทั้งประเทศ 7.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซค์เทียบเท่าต่อปีตามเป้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด  อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรมในภาคอีสานนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องครั้งที่ 3 ต่อจากกรุเทพฯ,เชียงใหม่และครั้งสุดท้ายจะกำหนดจัดขึ้นที่นครศรีธรรมราช โดยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทุก๓มิภาคในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง