เชียงราย เริ่มปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” ตัดสัญญาณโทรคมนาคมลักลอบใช้ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน
วันที่ 23 ก.ค.2567 พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ /รอง ผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จัหวัดเชียงราย ตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ไปยังบริเวณพื้นที่คิงส์โรมัน สปป.ลาว ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน อย่างผิดกฎหมาย ทั้งจาก ซิม สาย เสา และ ออกมาตรการเข้มงวดในการผ่านช่องทางตามช่องธรรมชาติ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนต่างชาติและคนไทย ลักลอบไปทำงานในแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เริ่มปฏิบัติการ "ระเบิดสะพานโจร" ตัดสัญญาณโทรคมนาคมที่ลักลอบใช้ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณที่ตั้งโดยรอบบ่อนคาสิโนคิงส์โรมัน
ทั้งนี้ ทางพล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รอง ผอ.ศปอส.ตร. ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จัหวัดเชียงราย ตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์จากรถตรวจคลื่นสัญญาณของ กสทช. ในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่มีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์อยู่ในพื้นที่แนวชายแดน ที่ติดแม่น้ำโขง รวมทั้งการ นำโดรนตรวจจับคลื่นสัญญาณโทรคมนาคมขึ้นบิน ตลอดแนวลำน้ำโขงอยู่ตรงข้ามเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ คิงส์โรมัน เพื่อตรวจดูว่ามีคลื่นสัญญาณมือถือของผู้บริการในประเทศไทย ข้ามฝั่งไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ และหากตรวจพบก็จะแจ้งทางผู้ประกอบการรายนั้นแก้ไข ส่วนหากพบสัญญาณอื่นที่ผิดปกติ จะดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายทันที
จากนั้นได้ประชุมฝ่ายความมั่นคงพื้นที่ชายแดน ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ปกครอง กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางมาตราการในการป้องกันเรื่องการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ในทุกรูปแบบพื้นที่ชายแดนของจังหวัดเชียงราย และการเฝ้าระวัง การส่งสัญญาณข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา สตช. ได้หารือกับ กสทช. และผู้ประกอบการมือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่าย เพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณรุกล้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่า มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่กระจายรุกล้ำเข้าไปพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน คิงส์โรมัน สปป.ลาว ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในทุกมิติ จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบการกระจายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเตอร์เน็ต ตามแนวตะเข็บชายแดนในบริเวณใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าตรวจสอบและติดตามการลักลอบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน เพื่อตัดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่เป้าหมายนี้
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลของการบูรณาการระหว่าง ตำรวจ กสทช. และหน่วยงานความมั่นคงในการกำจัด ซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาและสายสัญญาณเถื่อน รวมทั้งตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้าไทยของอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมผิดกฎหมาย (Starlink) ผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนโครงสร้างโทรคมนาคม (ซิม เสา สาย) เดิม คาดว่าคนร้ายได้รับผลกระทบและเริ่มมีการปรับตัว ซึ่งทาง สตช. และกสทช. จะได้ดำเนินการติดตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องต่อไป
พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชิงรุกล่าสุด พบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของไทยใช้งานอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามอำเภอเชียงแสน ซึ่งมีข้อมูลเชื่อได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นรังใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรข้ามแดน มาหลอกคนไทย จึงลงพื้นที่บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกเครือข่าย ใช้เครื่องพิเศษติดตั้งบนอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสแกนตลอดแนวชายแดนของ อ.เชียงแสน เพื่อตัดสัญญาณสื่อสารข้ามโขงในทุกมิติ นอกจากนั้น ได้ร่วมกับกองกำลังผาเมืองตัดทำลายสายเคเบิ้ลใยแก้วหรือไฟเบอร์ออฟติกส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย มาตรการตัดปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง ซิม เสา และสาย ที่ กสทช.ร่วมกับ สตช. ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้ระงับการใช้ซิมผีที่มิได้มายืนยันตนตามประกาศ กสทช. ไปแล้วมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย
ซึ่งเชื่อว่าซิมที่ถูกระงับการใช้งานนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในการถือครองของคนร้าย นอกจากนี้ เพียงครึ่งปีที่ผ่านมา กสทช. และ สตช. ได้มีการจับกุมผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสาย ส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเอื้อ ประโยชน์ให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้จำนวน 33 ราย ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่ทำผิดเงื่อนไขการให้บริการ ได้แจ้งเตือนและสั่งให้ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด โดยดำเนินการแล้วใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จ.ตาก จ.เชียงราย จ.มุกดาหาร จ.หนองคาย จ.สุรินทร์ จ. บุรีรัมย์ จ.สระเเก้ว จ.จันทบุรี และ จ.ระนอง ซึ่ง กสทช.ยังคงตรวจตระเวนการกระจายสัญญาณข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง.