วันที่ 23 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ที่มีสำดับอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่ประธานการประชุมชั่วคราว พิจารณาวาระเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่1 ภายหลังจากสมาชิกได้เสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา คนที่1 จำนวน 4 คน ได้แก่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ สว. นายนพดล อินนา สว. นายปฏิมา จีระแพทย์ สว. และนายแล วิทยดิลกรัตน์ สว. และเปิดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์คนละ5นาที

ต่อมา เวลา 13.15 น. เริ่มที่พล.อ.เกรียงไกร ใช้เวลาเพียง2นาที ในการแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมฯว่า หากตนได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนสมาชิกทั้งหลาย ได้ทำหน้าที่เป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ตนจะดำเนินการดังต่อไปนี้ 1.ตนจะยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเทิดทูนและปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยจนกว่าชีวิตจะหาไม่ 2.ตนขอให้ความเชื่อมั่นต่อเพื่อนสมาชิก ที่จะดำเนินงานทางการเมืองและองค์กรอิสระทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรมเป็นอิสระเป็นกลางสามารถเป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชนได้สภาแห่งนี้เป็นหลักในการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

3.ความเชื่อมั่นต่อเพื่อนสมาชิก การที่จะต้องทำหน้าที่ในสภาฯแห่งนี้ร่วมกัน เรามาจากความหลากหลายอาชีพ ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดตนจะยึดมั่นในเกียรติของสมาชิกทุกท่าน และฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคนในการดำเนินการกิจการที่เกี่ยวข้องกับสภาวุฒิสภาแห่งนี้อย่างเท่าเทียมกันเคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่รับฟังไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนมากที่เห็นต่าง 4.ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินงานทุกอย่าง เพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้เป็นที่ยอมรับเชื่อมั่น ศรัทธาของพี่น้องประชาชน 5.ตนให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในการเข้ามาทำงานร่วมกับเราหรือรับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชนทั้งจากทางตรงและทางอ้อมเพื่อนำมาประกอบการตกลงใจของวุฒิสภาแห่งนี้ 6.ตนขอสัญญาว่าจะกระทำในสิ่งดีงามเพื่อให้วุฒิสภาแห่งนี้เป็นสภาอันทรงเกียรติที่มีเพื่อนสมาชิกร่วมกันจรรโลงความดีงาม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอันเป็นที่รักยิ่งของเราต่อไป

ต่อมาในเวลา13.17น. นายนพดล แสดงวิสัยทัศน์ว่า 1.หากตนได้ทำหน้าที่แล้วจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลางโปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เอนเอียงไปตามกระแสสังคมหรือแรงกดดันทางด้านการเมือง ตนอยากเห็นการขับเคลื่อนการประชุมวุฒิสภา ที่มีบรรยากาศของการประชุมที่ดีโดยจะเปิดโอกาสให้ท่านสมาชิกได้ใช้ความรู้ความสามารถของท่านและประสบการณ์ที่ท่านได้มีในอดีตมาใช้ในที่ประชุมแห่งนี้เพราะตนเชื่อว่าในที่ประชุมแห่งนี้สำคัญมากเพราะครึ่งหนึ่งของชีวิตของเรานั้นยังอยู่ที่บ้าน อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่ทำงานก็คือที่ประชุมสภาแห่งนี้ถ้า ที่ประชุมสภาแห่งนี้มีความสุข การทำงานก็จะมีความสุข ตนเชื่อว่าตนสามารถที่จะทำงานร่วมกับท่านทั้งหลายในที่นี้ที่จะทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาที่มีความสุขและเป็นสภาที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้ 2.การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสภาแห่งนี้ตนมีความเชื่อเสมอมาว่าบุคคลทุกอาชีพไม่ว่าจะมีการศึกษาในระดับไหนนั้นล้วนมีความสำคัญเท่าๆกันประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ถ้าไม่มีบุคลากรหลากหลายวิชาชีพที่จะมาช่วยผลักดันวุฒิสภาก็เช่นกันความหลากหลายในวิชาชีพนั้นจะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนสภาแห่งนี้ให้เดินหน้าต่อไปได้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

นายนพดล กล่าวต่อว่า 3.ตนอยากเห็นวุฒิสภาแห่งนี้ทำงาน คือวุฒิสภาควรเดินหน้าเข้าไปหาประชาชนแทนที่จะให้ประชาชนเข้ามาหาเรา ตนอยากเห็นกรรมาธิการต่างๆนอกจากที่จะประชุมในวุฒิสภาแห่งนี้เราน่าจะมีกรรมาธิการสัญจรไปยังจังหวัดต่างๆเพื่อรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยตรง การทำเช่นนั้นจะเป็นการสื่อสารระหว่างวุฒิสภาและประชาชนโดยตรงซึ่งจะเกิดประโยชน์ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆของสภานั้นตรงจุดมากขึ้น 4.เรื่องการเผยแพร่ประชาธิปไตยแก่เยาวชนและประชาชนไทยทุกเพศทุกวัยนั้น ตนทราบดีว่าสภาแห่งนี้มีสื่อมวลชนมากมาย แต่ตนอยากเพิ่มสื่อบางแพลตฟอร์มเข้าไป เพื่อให้ทันสมัยเข้าสู่เยาวชนและประชาชนสื่อเหล่านั้นจะต้องเป็นสื่อที่ประชาชนให้ความสนใจ และ 5.วุฒิสภาไทยในสายตาต่างประเทศ ประเทศของเราเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมโลก วุฒิสภาไทยก็เป็น ส่วนหนึ่งของวุฒิสภาของโลกเรามีกลุ่มมิตรภาพต่างๆที่เชื่อมระหว่างวุฒิสภาไทยกับวุฒิสภาต่างประเทศ ตนอยากจะเพิ่มเติมให้มีการสื่อสารปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น มีการพบปะพูดคุยกันมากขึ้น

“ผมมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมา 40 ปีนั้น ผมเคยทำงานในภาครัฐภาค เอกชนทั้งในและต่างประเทศ เป็นนักวิชาการเคยทำงานในภาคการเมือง ผมจะสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนวุฒิสภาไปพร้อมๆกับสมาชิกทุกท่านเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวุฒิสภา ประเทศชาติและประชาชนได้เป็นอย่างดี เพราะว่าความสำเร็จในการทำงานของวุฒิสภาแห่งนี้ ไม่ได้อยู่ที่รองประธานฯ หรือใครคนใดคนหนึ่งโดยลำพัง แต่เกิดจากสมาชิกทุกๆท่าน ผมพร้อมที่จะทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับสมาชิกทุกท่าน” นายนพดล กล่าว

จากนั้นในเวลา13.22น. นายปฏิมา แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนอยากจะเชิญชวนสว.ทุกคน ไม่ว่าจะได้รับเลือกจากกลุ่มอาชีพอะไร จังหวัดใดก็ตาม หรือสีใดก็ตาม วันนี้พวกเรามานั่งประชุมครั้งแรกอยากจะเชิญชวนทุกท่านให้เป็นสีเดียวกัน ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราเป็นเดียวกันคือสีแดง สีขาว สีน้ำเงิน เรารักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ มีผู้ใหญ่ที่ตนเคารพบอกว่าสว.ชุดที่ 13 เป็นสว. ชุดภูมิปัญญาไทย เพราะว่าเราได้รับการเลือกจากผู้ที่สมัคร พวกเรามาโดยไม่มีกติกาใดในโลกนี้มาก่อน ถ้าประชาชนจะเรียกว่าสว.ชุดภูมิปัญญาไทยน่าจะเหมาะสม ตนไม่ได้เตรียมตัวแสดงวิสัยทัศน์ เพราะมีพี่ๆกระซิบว่า จะมีการเสนอชื่อ มีเพียงโน๊ตสั้นๆให้พิจารณา ความคิดของตน อยากจะเชิญชวนสว. 200 คนได้ทำงานอย่างเต็มที่รับใช้ประชาชน อยากให้พวกเราช่วยกันเสริมสร้างสังคมไทย ให้เกิดความรัก ความสามัคคี หยุดทะเลาะเบาะแว้ง เราเป็นสว.ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประชาชน และสังคมไทยโดยทั่วไป ก่อนที่ตนจะขึ้นมาแสดงวิสัยทัศน์ได้สอบถาม สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ว่าจะเชิญชวนทุกท่านร้องเพลงชาติไทยในห้องประชุมแห่งนี้ได้หรือไม่ เพราะเพลงชาติไทยมีความหมายชัดเจนว่า เรารักสามัคคี เรารักความสงบ จึงอยากให้พวกเราไม่ลืมในสิ่งที่เราเกิดมา เราก็ได้ร้องเพลงชาติไทยของเรา

“สิ่งที่ผมอยากแบ่งปันคือสว.เปรียบเหมือนอวัยวะของร่างกาย ที่มีหลายส่วน แต่ละส่วนก็ทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย เพราะฉะนั้นต้องร่วมมือไม้ร่วมมือกันในการทำงาน เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ โดยมุ่งไปที่การช่วยประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ วันนี้ประเทศไทยอยู่ในขั้นโคม่า ตามตัวเลขทางเศรษฐกิจว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจประชาชนรอคอยการเมืองที่ตกผลึก ช่วยแก้ปัญหาของประชาชนโดยทั่วไป กำลังซื้อลดลงจำนวนมาก SME มีปัญหาในการค้าขาย ผู้ส่งออกก็มีปัญหาส่งออกไปต่างประเทศ มีการทุจริตในภาคตลาดทุนหลายบริษัท ทำให้สถาบันการเงินมีการตั้งสำรองหนี้เป็นจำนวนมาก ผมคิดว่าหากการเมืองไม่นิ่งเราจะชักชวนนักลงทุนชาวต่างชาติมาลงทุนต่างคงไม่มา เขาคงเลือกประเทศที่การเมืองนิ่ง เศรษฐกิจกำลังเติบโต ผมขอเสนอว่าวันนี้เป็นวันแรกในการทำงานร่วมกัน ไม่ควรมีความขัดแย้งในสภาฯเราต้องช่วยกันสร้างเอกภาพในการบริหารบ้านเมือง หากรัฐบาลทำอะไรดีต้องสนับสนุนหากรัฐบาลหลงทาง ก็ตักเตือนเขา ขอให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ จึงอยากให้การทำงานของวุฒิสภาเป็นระบบการผสมผสาน”นายปฏิมา กล่าว

และในเวลา13.28น. นายแล แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนดีใจที่ได้รับการคัดเลือกให้มาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ ตนอยากเห็นอะไรที่ไม่ต่างไปจากท่านมากนัก วุฒิสภาเป็นสถาบันหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ย่อมต้องเน้นเสรีภาพของความหลากหลาย ความเท่าเทียม พร้อมทั้งความเป็นสากล วุฒิสภาต้องรักษาหลักการ ทั้งระดับความเป็นผู้นำ และการปฏิบัติของสมาชิก ตนอยากเห็นผู้นำของรัฐสภารักษาองค์ประกอบความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเพศกำเนิด เพศสภาพ ไม่ว่าจะเป็นสูงวัยหรืออ่อนวัย ความหลักหลายทางวัฒนธรรม ศาสนาหรือชาติพันธุ์ เพื่อธำรงความเป็นสากลของระบอบประชาธิปไตยไว้ นอกจากความหลากหลายระดับผู้นำองค์กรแล้วเพื่อให้สภาฯแห่งนี้ ได้สะท้อนมุมมองหลากหลายรอบด้านและครบถ้วน ในการช่วยกันกลั่นกลองกลั่นกรองกฎหมาย

“ผมอยากเห็นทุกเสียง ทุกมุมมองของสว.ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก และไร้กลุ่ม เป็นอุดมคติของสว. ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการแสดงออก และการทำความเห็นให้ปรากฏต่อสาธารณะ ทั้งนี้รวมถึงประเด็นปัญหาของคนตัวเล็กที่ไร้เสียง และจำนวนไม่น้อย เช่น ปัญหาแรงงาน ชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง และผู้ด้อยโอกาส ได้รับความสำคัญไม่น้อยกว่าปัญหาอื่น ในการพิจารณาของวุฒิสภา ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่าไม่ว่าจะได้รับเลือกหรือไม่ สิ่งนั้นจะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นที่จะหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของท่านทั้งหลายในการปฏิบัติงานให้สภาฯ ประสบความสำเร็จสมดังนั้นปณิธานเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย” นายแล กล่าว