ชาวเน็ตวิจารณ์สนั่น! หลังพบป้ายโฆษณาภาษาจีน ชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศกลางถนนรัชดาฯ "วิโรจน์" ชี้ป้ายโฆษณาจีนโผล่กลางถนนรัชดาฯ ตบหน้ารัฐบาล ห่วงไทยศูนย์กลางอาชญากรจีน มองเป็นเรื่องใหญ่มาก ด้าน"มท.1" สั่งด่วน "กทม." สอบขยายผลป้ายโฆษณาภาษาจีนขายพาสปอร์ต-สัญชาติ ขณะที่ "รอง ผบช.สตม." เผยป้ายโฆษณาที่เป็นข่าวติดได้ไม่ผิดกฎหมาย 

 เมื่อวันที่ 22 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งอยู่ตรงสี่แยกห้วยขวาง ตรงข้ามกับเทวาลัยพระพิฆเนศห้วยขวาง ย่านที่คนจีนพลุกพล่าน ด้วยความสงสัยว่า เป็นโฆษณาอะไรจึงใช้แอปฯ ในการช่วยแปลจนพอสรุปได้ว่า นี่คือป้ายโฆษณาขายหนังสือเดินทางตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแปลงสัญชาติ พร้อมกันนั้นยังมีการระบุราคาพาสปอร์ตประเทศต่างๆ โดยที่ยังไม่ทราบหน่วย ดังเช่น อินโดนีเซีย ราคา 30,000 ,วานูอาตู ราคา 70,000 ,กัมพูชา ราคา 1 แสน และตุรกีราคา 1.5 แสน โดยมีชาวเน็ตได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปจำนวนมาก พร้อมตั้งคำถามว่า แบบนี้ก็ได้เหรอ ป้ายใหญ่มากใครอนุญาตให้ติดตั้ง พร้อมถามหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาอธิบาย
 
ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีป้ายโฆษณาภาษาจีนชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ ย่านรัชดาฯ ว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่หากเป็นไปตามป้าย สามารถติดต่อและทำได้จริง มีความเป็นไปได้สูงที่มีการทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจและกังวลใจมาก เพราะปกติแล้ว ธุรกิจผิดกฎหมายและการทำพาสปอร์ตปลอมมีอยู่แล้ว แต่จะทำแบบหลบๆ ซ่อน ๆ ไม่มีประชาสัมพันธ์โฆษณาแบบเอิกเกริกอย่างนี้ ต้องทำแบบใช้ระบบใต้ดิน ติดต่อคนนั้นคนนี้แล้วพากันไปทำ แต่ครั้งนี้ถึงขั้นขึ้นป้ายเลย ตนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก หากเป็นเรื่องจริง
 
ถ้าเป็นความจริงก็ถือเป็นการตบหน้ารัฐบาลไปด้วย เพราะสะท้อนว่าขึ้นป้ายตัวใหญ่ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาไทย คนไทยก็คงไม่สนใจหรอก รัฐบาลไทยหรือตำรวจไทยก็คงไม่สนใจหรอก เราต้องยอมรับจริงๆว่าตรงย่านนั้น รัชดา ห้วยขวาง มีชาวจีนอาศัยอยู่เยอะ ดังนั้น เขาต้องการสื่อสารกับคนจีนจริงๆ ที่เข้าใจภาษานั้นจริงๆ แสดงว่าประเทศเรากำลังกลายเป็นศูนย์กลางภัยคุกคามของโลกแล้วสิ นายวิโรจน์ กล่าว
 
นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากเป็นจริงจะทำให้ภาพลักษณ์ เกียรติภูมิของประเทศเสื่อมเสียไปด้วย แล้วจะทำให้ดึงดูดมาเฟียข้ามชาติ อาชญากรจากต่างประเทศที่เข้ามาหลบพักในไทยก่อนจะไปประเทศอื่น ประเทศเรากำลังกลายเป็นศูนย์กลางของอาชญากรจีนหรือไม่ กรณีนี้ถือเป็นการทำผิดในราชอาณาจักรไทย ผิดกฎหมายไทย ต้องดำเนินคดีอาญา ถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ก็สามารถที่จะสืบเสาะและขยายผลได้อยู่แล้ว
 
ผู้สื่อถามว่า เบื้องหลังยังมีอีกเยอะหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงมีอีกเยอะ ต้องยอมรับอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลจีนด้วย เพราะมาเฟียจีน อาจชญากรจีนจำนวนมาก มีหมายจับที่ประเทศจีนแล้วหลบหนีออกมา โดยมีเป้าหมายคือประเทศไทย
 ตามที่เขาร่ำลือกันจนลงหลักปักฐานแล้ว มีเครือข่าย มีฮับ มีศูนย์ประสานงานของเครือข่ายอาชญากรจีนในประเทศไทยว่าหลบมาพักก่อน แล้วเดี๋ยวจะมีทีมงานคอยประสานงานที่จะให้หนีไปยังประเทศนั้น ออกไปยังประเทศนี้ได้ ตอนนี้มันกลายเป็นเครือข่ายแล้วนะ มาเฟียจีนสีเทา ต่อให้คุณมีเงินหนีคดีมาจากประเทศจีน ที่นี่จะเป็นแหล่งพักพิง ที่นี่สามารถติดสินบนได้ ที่นี่สามารถยัดใต้โต๊ะได้ ที่นี่สามารถซื้อข้าราชการบางคนได้ มันกลายเป็นศูนย์รวมของการกระทำความผิดกฎหมายไปแล้วสิ นายวิโรจน์ กล่าว
 
ด้าน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ทราบถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงกรณีมีการติดตั้งป้ายโฆษณาภาษาจีน มีข้อความเข้าข่ายโฆษณาขายพาสปอร์ต และ สัญชาติประเทศต่างๆ โดยติดตั้งอยู่บริเวณแยกห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทิน ได้สั่งการให้มีการนำป้ายโฆษณาดังกล่าวลงทันทีในช่วงเช้าที่ผ่านมา พร้อมได้มีข้อกำชับให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ว่าป้ายโฆษณาดังกล่าวได้ดำเนินการขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าของผู้โฆษณาประกอบธุรกิจที่ถูกกฎหมายหรือไม่ และนำข้อเท็จจริงที่ได้ทั้งหมดเปิดเผยให้ประชาชนทราบอย่างโปร่งใส หากพบมีการกระทำที่ผิดกฎหมายให้เร่งสอบขยายผลไปถึงต้นตอผู้กระทำผิดและลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

 น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า ด้วยขณะนี้รัฐบาลได้มีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านมาตรการดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทาเข้าสู่ประเทศไทยได้สะดวกขึ้น ให้เม็ดเงินจากต่างชาติกระจายเป็นรายได้ไปสู่พี่น้องประชาชนในเมืองหลักเมืองรองอย่างทั่วถึง แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการคัดกรอง สอดส่อง อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้ขบวนการอาชญากรรมแฝงตัวเข้ามาในไทยในรูปของนักท่องเที่ยว และใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย

 ตั้งแต่รัฐบาลประกาศนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ผ่านมาตรการผ่อนคลายวีซ่าให้หลายประเทศ นายอนุทิน ได้ให้นโยบายกับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยความมั่นคงในการตรวจสอบ สอดส่อง กวดขันอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการใช้ไทยเป็นฐานก่ออาชญากรรมทุกรูปแบบ อันจะกระทบกับภาพลักษณ์ประเทศ ความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยว และการลงทุนในระยะยาว น.ส.ไตรศุลี กล่าว
 
ขณะที่ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า ประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าการตั้งป้ายดังกล่าวทำได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่า ทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ไม่ใช่การโฆษณาว่าจะเปลี่ยนเป็นสัญชาติไทย โดยในป้ายจะเห็นว่าทุกประเทศมีการซื้อขายกันปกติ

 ต่อมา วันเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักได้มีคนงานขึ้นไปปลดป้ายดังกล่าวออกแล้ว