ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่า จากผู้นำประเทศ ที่เคยเป็นนักการเมืองยอดนิยมคนหนึ่ง จะกลับกลายเป็นนักการเมืองยอดยี้ ถึงขนาดกลายเป็นกระแสไม่เอาเขาอย่างหนักหนาสาหัสกันไปได้

สำหรับ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน วัย 81 ปี ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ จากการที่เขาสูงวัยแล้ว ทำให้เขากำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ข้างต้นอย่างสุดแสนลำบาก และทำท่าว่าจะ “อยู่ยาก” บนเวทีการชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 (พ.ศ. 2567) ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งฯ ของพรรคเดโมแครต

เมื่อปรากฏว่า บรรดาชาวพลพรรคเดโมแครต จำนวนไม่น้อย ต่างออกมาส่งเสียงว่า “ไม่เอาเขา”

ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวพรรคเดโมแครตระดับแกนนำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญของพรรคฯ ก็ได้ส่งเสียงไม่เอาประธานาธิบดีไบเดนอย่างหนาหูมากขึ้น

โดยกระแสไม่เอานายไบเดน ก็น่าจะมีมาหลายเพลาแล้ว ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพจากการที่เขาอายุมาก ถึงขนาดร่ำๆ ที่ทางพรรคเดโมแครต พูดคุยถึงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าด้วยบุคคลที่มาบริหารประเทศแทน หากผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะสาเหตุปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง

ก่อนที่กระแสได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หลังการอภิปรายโต้วาทีเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ในฐานะผู้สมัครับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับคู่ปรับอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สมัครฯ ของพรรครีพับลิกัน ที่ห้องส่งสตูดิโอขอสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น นครแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า ประธานาธิบดีไบเดน สำแดงความชราภาพ และมีสุขภาพที่ย่ำแย่ออกมาบนเวทีดีเบตดังกล่าว จนทำให้เขาพ่ายแพ้ต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างขาดลอยถึงร้อยละ 67 ต่อร้อยละ 33 กว่าครึ่งต่อครึ่งจากศึกดีเบตครั้งกระนั้น

ส่งผลให้บรรดาพลพรรคเดโมแครต ดาหน้าออกมากดดันต่อประธานาธิบดีไบเดน ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปลายปีนี้ จนกลายเป็นกระแส

โดยมีรายงานว่า นักการเมืองคนสำคัญๆ ของพรรคเดโมแครต ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. และสมาชิกวุฒิสภา หรือสว. รวมไปถึงอดีตประธานาธิบดี ต่างพากันออกมาเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัว มีจำนวนรวมแล้วหลายสิบคนด้วยกัน อาทิเช่น

นายชัค ชูเมอร์ วุฒิสมาชิกแห่งรัฐนิวยอร์ก และดำรงตำแหน่งผู้นำเสียงข้างในวุฒิสภาสหรัฐฯ

นางแนนซี เปโลซี (ซ้าย) อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในพรรคเดโมแครต และเป็นพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังเรียกร้องให้เขาถอนตัวจากการเลือกตั้ง (Photo : AFP)

นางแนนซี เปโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ซึ่งรายนี้ถือเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในพรรคเดโมแครต ก็ได้เอ่ยปากว่า สภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็เป็นได้ยากที่ประธานาธิบดีไบเดน จะเอาชนะต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ได้

ไม่เว้นแม้กระทั่งนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งนายไบเดน เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีเมื่อครั้งกระนั้น ก็ยังออกมากลับลำเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่เคยสนับสนุน มาเป็นเรียกร้องให้ประธานาธิดีไบเดนถอนตัวเช่นกัน โดยถึงกับเอ่ยปากว่า นายไบเดน มีโอกาสชนะเลือกตั้งลดน้อยลงไปทุกที

นายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งใกล้ชิดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็เปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่เคยสนับสนุนประธานาธิบดีไบเดน มาเป็นเรียกร้องให้เขาถอนตัวจากการเลือกตั้งเช่นกัน (Photo : AFP)

นอกจากนี้ เหล่าบรรดากลุ่มทุนซึ่งสนับสนุนด้านการเงินให้แก่พรรคเดโมแครต ในกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยนั้น จำนวนรวมแล้วถึง 75 คน ต่างออกมาเรียกร้องขอให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัวด้วยอีกเช่นกัน

ล่าสุด ในการสำรวจความคิดเห็น หรือการทำโพลล์ของ “ประชาชนชาวอเมริกันที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต” ซึ่งดำเนินการสำรวจความคิดเห็นโดยสำนักข่าวต่างประเทศแห่งหนึ่งร่วมกับศูนย์วิจัยเอ็นโออาร์ซี ได้บทสรุปออกมาว่า เกือบ 2 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ต้องการให้ประธานาธิบดีไบเดน ถอนตัวจากการเลือกตั้งไปเสีย

รายละเอียดของการสำรวจความคิดเห็น ระบุว่า ร้อยละ 65 ของชาวเดโมแครต ต้องการให้ประธานาธิบดีไบเดน ถอนตัวจากการเลือกตั้ง ส่วนชาวเดโมแครตที่ต้องการให้ประธานาธิบดีไบเดน สู้ศึกเลือกตั้งต่อไป มีจำนวนเพียงร้อยละ 35 เท่านั้น

ในจำนวนข้างต้น ปรากฏว่า เป็นชาวเดโมแครตที่เป็นผิวขาวจำนวนมากถึงร้อยละ 67 ที่อยากให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัว ส่วนชาวเดโมแครตผิวขา ที่ไม่อยากให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัว มีจำนวนเพียงร้อยละ 32

ขณะชาวเดโมแครต ที่เป็นผิวสียังคงเชื่อมั่นประธานาธิบดีไบเดน อยากให้เขาสู้ศึกเลือกตั้งต่อไป มีจำนวนร้อยละ 50 ส่วนผู้เห็นต่างในกลุ่มตัวอย่างนี้ มีจำนวนร้อยละ 49 ซึ่งต้องถือว่าเป็นตัวเลขที่คู่คี่สูสีสำหรับชาวเดโมแครตผิวสี

ทางด้าน ชาวเดโมแครต ที่เป็นเชื้อสายสแปนิช หรือพูดภาษาสเปน ปรากฏว่า มากถึงร้อยละ 64 ต้องการให้ประธานาธิบดีไบเดนถอนตัว มีเพียงร้อยละ 33 เท่านั้น ที่ยังอยากเห็นประธานาธิบดีไบเดนสู้ต่อไป

ถูกกระแสกดดันรุมล้อมเรียกร้องจากทุกภาคส่วนเช่นนี้ ก็ส่งผลให้ประธานาธิบดีไบเดน มิอาจทนทานต่อไปได้ ต้องประกาศถอนตัวจากการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไปในที่สุด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนหน้าที่ทางเดโมแครต จะประชุมใหญ่ของพรรค ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ในระหว่างวันที่ 19 – 22 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งคาดหมายว่า ทางที่ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต จะเสนอชื่อนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงสหรัฐฯ ตามที่ประธานาธิบดีไบเดน ประกาศให้การสนับสนุนหลังจากที่เขาถอนตัวไป

นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ แห่งพรรคเดโมแครต พบปะประชาชนลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง (Photo : AFP)

อย่างไรก็ดี ทางพรรคเดโมแครตก็ยังมีโจทย์ใหญ่ที่ต้องตามแก้ เมื่อปรากฏว่าคะแนนนิยมของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ณ ชั่วโมงนี้ หวนกลับมาดีวันดีคืนขึ้นมาเป็นลำดับ ภายหลังจากที่ถูกเขาถูกลอบยิง โดยมีคะแนนนิยมนำหน้าเหนือทั้งต่อประธานาธิบดีไบเดน ที่ร้อยละ 43 ต่อ 41 และต่อรองประธานาธิบดีหญิงแฮร์ริส ที่ร้อยละ 44 ต่อ 39 ซึ่งต้องถือว่า ทางเดโมแครต ต้องออกแรงอย่างเหนื่อยมิใช่น้อยในการเอาชนะเหนือรีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้