ตำรวจปิดล้อมหวังสยบชายคลั่งยิงปืนภายในบ้านพัก พตท.เข้าไประงับเหตุเจรจาไม่เป็นผลถูกยิงเสียชีวิต ส่วนลูกน้องสาหัส  ขณะที่ผู้ก่อเหตุปลิดชีพตัวเองหนีผิด ด้านผบก.น.9 ยันช่วยเหลือด้านสวัสดิการ พตท.อย่างเต็มที่ 
       
   
  เมื่อวันที่ 20 ก.ค.67 เวลา 21.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเวร สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า ชายอายุประมาณ 50 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งและมีอาวุธปืนอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งย่านพระราม 2 บ้านเลขที่ 45/258 ภายในหมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กทม. หลับรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาและรีบเข้าไประงับเหตุ นำโดย พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม พร้อมด้วย ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม รีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที 
 ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 1 คูหาสูง 3 ชั้น โดยขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย เข้าไประงับเหตุที่บริเวณหน้าประตูบ้าน ปรากฏว่าคนร้ายทราบชื่อต่อมาคือ นายบุญมา วณิชพงศ์ธร อายุ 49 ปี ได้ทะเลาะกับลูกภายในบ้าน ก่อนใช้อาวุธปืนยิงพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์กระสุนเข้าบริเวณหน้าอกขวา 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด และง่ามนิ้วมือซ้าย 1 นัด ส่วน ด.ต.ไชยวัฒน์ที่ยืนอยู่ใกล้กันได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยจึงรีบนำตัวพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์และด.ต.ไชยวัฒน์ส่งโรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ แต่ปรากฏว่าพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ที่บาดเจ็บสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวพบมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือ น.ส.สาธิดา วณิชพงศ์ธร อายุ 15 ปี ลูกสาวของผู้ก่อเหตุ ถูกอาวุธปืนตบได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 
   
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. ,พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผบช.น. ,พล.ต.ต ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 และ พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอรินทราช 26 เข้าปฏิบัติหน้าที่บริเวณบ้านหลังเกิดเหตุ โดยมีการประกาศให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องภายในบ้านออกมาจากตัวบ้านให้หมด และไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปอยู่ใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยชุดอรินทราช 26 ได้ปิดล้อมทั่วบริเวณ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องขยายเสียงเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว แต่กลับมีเสียงปืนดังขึ้นจากในอาคารเป็นระยะๆ 
    
 ด้าน กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกแถลงข่าวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ลงพื้นที่ดูแลควบคุมเหตุการณ์โดยด่วน และกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ใช้หลักยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และประชาชน จากกรณีดังกล่าว ผบ.ตร.ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมสั่งการผู้บังคับบัญชาให้ดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้กับครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ อย่างเต็มที่
  
   เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นผู้ก่อเหตุที่อยู่บริเวณชั้นลอยของบ้านยังไม่มีท่าทีสงบ และใช้ปืนยิงสวนตำรวจเป็นระยะ แต่ตำรวจที่คุมสถานการณ์อยู่โดยรอบบ้านไม่ได้ยิงตอบโต้ เพราะเกรงประชาชนละแวกข้างเคียงจะถูกลูกหลง เบื้องต้น ขอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ จากยุทธวิธีเบาไปหาหนัก และปฏิบัติการอย่างรอบคอบที่สุด จากข้อมูลที่มีทราบว่า ผู้ก่อเหตุชอบสะสมปืน และเคยฝึกฝนยิงปืน โดยปืนทั้งหมด เป็นปืนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนเรื่องผู้ก่อเหตุ มีอาการป่วยทางจิต หรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน ส่วนการเยียวยาครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ยืนยัน จะดูแลเต็มที่ 
   
  มีรายงานข่าวแจ้ง เมื่อเวลา  05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอความร่วมมือกับประชาชนบริเวณข้างเคียงจุดที่เกิดเหตุ ไม่ให้ออกมาภายนอกเคหสถาน ในขณะที่การเจรจาเกลี้ยกล่อมได้ยุติลง เนื่องจากผู้ต้องหาไม่มีท่าทีจะยอมมอบตัว โดยสถานการณ์เป็นไปด้วยความตึงเครียด หลังจากก่อนหน้านี้แค่ไม่ถึง 20 นาที คนร้ายได้ยิงปืนออกมา 1 นัด 
    
 ต่อมา เวลาประมาณ 05.21 น. ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่บ้านเกิดเหตุ 2 นัด และเวลา 05.25 น. ยิงแก๊สน้ำตาอีก 3 นัด จนเกิดเสียงปืนภายในบ้านดังขึ้น 4 นัด  เจ้าหน้าที่จึงยิงใส่ไปอีก 4 นัด และได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่ภายในบ้านของผู้ก่อเหตุพบนอนจมกองเลือดเสียชีวิตแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลา 06.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตามปฏิบัติตามยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักโดยมีการใช้อาวุธปืนและระเบิดตันบอมบ์ เพื่อทำลายประตู แต่ในเบื้องต้นยังไม่ยืนยันว่าเป็นการวิสามัญของเจ้าหน้าที่หรือตัวผู้เสียชีวิตยิงตัวตาย ทั้งนี้จะต้องให้แพทย์ทำการชันสูตรและพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นพบอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาดอยู่ข้างร่างผู้ก่อเหตุ 1 กระบอก ทั้งนี้สาเหตุการเสียชีวิตยังต้องรอผลตรวจจากนิติเวช ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้ยืนยันว่าการปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามยุทธวิธี
     
ล่าสุด เวลา 09.30 น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พร้อมด้วย พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ได้ประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ดำเนินการตรวจสอบศพ นายบุญมา วณิชพงศ์ธร หรือ เฮียตุ้ง อายุ 49 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 โดยทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้เคลื่อนย้ายศพนายบุญมาออกไปยังที่แผนกนิติเวช รพ.ศิริราช แล้ว ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาทำการเข้าตรวจสอบภายในบริเวณบ้านดังกล่าว
     
พล.ต.ต.ประสงค์ เปิดเผยว่า กรณีของพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ซึ่งเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากทางสวัสดิการของตร. ,บช.น. และบก.น.9 ระหว่างเกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์พร้อมสายตรวจและจราจร สน.ท่าข้าม ครั้งแรกได้เข้าระงับเหตุแต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ออกมาแต่อย่างใด แต่เห็นว่ามีเด็กลูกของผู้ก่อเหตุ 2 คน อยู่ภายในบ้าน ทางญาติขอให้เข้าทำการช่วยเหลือ ระหว่างเข้าทำการจับกุมจะเข้าไปคว้าตัวคนก่อเหตุ แต่ลูกที่เป็นตัวประกันวิ่งสวนออกมาทำให้ถูกยิงดังกล่าว โดยที่ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจยิงใส่เลยหรือไม่  อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลชันสูตรตรวจสอบสภาพศพพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์จากแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดยางสุทธาราม ต่อไป 
     
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว 6 ปาก ประกอบด้วยภรรยาผู้เสียชีวิต และลูกของผู้เสียชีวิตอีก 5 คน พบว่า ทั้งหมดอยู่ในอาการเครียด ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญมาหรือเฮียตุ้งไปที่การจบชีวิตตัวเองนั้น เนื่องจากเมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าเลือดในที่เกิดเหตุแห้งแล้ว แต่ความชัดเจนต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานจากทาง แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช