วันที่ 21 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีเมื่อคืนวันที่20ก.ค.67 เวลาประมาณ3ทุ่ม นายบุญมา หรือ "เฮียตุ้ง" ทะเลาะกับบุคคลภายในบ้าน ก่อนจะใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม เสียชีวิต และ ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม ได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้าไประงับเหตุ ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ภายในหมู่บ้านดีเค ซอย 2 ย่านพระราม 2 เขตบางบอน 

ล่าสุดเวลา 16.13น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณมิ้ว อายุ23 ลูกสาวคนโต(ผมยาว)และคุณมิ้น อายุ22คนรอง ซึ่งเป็นลูกคนที่สอง ที่มีภาพปรากฏออกไปที่ยืนตะโกนอยู่หน้าบ้าน(ผมสั้น) โดยคนโตเปิดเผยว่า ตอนนี้ร่างของคุณพ่ออยู่ที่นิติเวชรพ.ศิริราชเพื่อชันสูตร ส่วนเรื่องที่ได้รับบาดเจ็บนิดฟกช้ำนิดหน่อย ส่วนน้องอีกคนนึงที่อายุ15หัวแตกนิดนึงจากการถูกด้ามปืนของพ่อฟาด เนื่องจากพ่อทะเลาะกับน้องของตนเพราะว่าน้องของตนไม่ยอมให้โทรศัพท์กับพ่อเพื่อไปโทรหาแม่ ซึ่งพ่อเป็นคนอารมณ์ร้อนบ่อย และเคยกระทบกระทั่งกับลูก ส่วนมากจะระงับอารมณ์พ่อโดยการเงียบเพื่อให้ใจเย็นลง ซึ่งในวันเกิดเหตุตนและน้องอายุ 15 ปีและ 10 ปีมาช่วยงานพ่อตั้งแต่เวลาประมาณเกือบ 11 โมงและหลังจากนั้นพ่อก็มีอารมณ์โมโหทั้งวัน และภายหลังจากนั้นพ่อได้จับตัวน้อง 10 ปีเพื่อที่จะแลกตัวกับแม่หลังขณะนั้นพ่อก็ได้มีการดื่มสุราไปด้วย ตนคิดว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจในการยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าคงตกใจจึงลงมือ ดูจากสีหน้า ซึ่งพ่อชอบลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัวและทำร้ายข้าวของทำให้เป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง ที่ครอบครัวแยกกันอยู่ และสองเดือนก่อนคุณพ่อได้ลงมือทำร้ายแม่ ส่วนเรื่อง ข่าวที่ว่าแม่นำเงินไปนั้นไม่จริงเพราะว่ากุญแจนั้นอยู่กับพ่อทั้งหมดพวกตนก็เข้าบ้านไม่ได้ เพราะว่าพ่อเปลี่ยนลูกกุญแจใหม่ ส่วนเรื่องการขาดยาคุณพ่อเคยรักษาจริงจังอยู่เดือนนึงและออกมาจากการรักษา และรับยามาทานที่บ้าน ซึ่งคุณแม่เป็นคนพาไป ซึ่งไปรับยาอยู่ประมาณสองสามอาทิตย์คุณพ่อก็ไม่กลับไปอีกเลย เพราะคิดว่าตนเองไม่ได้ป่วยและคุณพ่อมักจะทานยาไม่หมด 

ทั้งนี้ทางครอบครัวยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับทางครอบครัวของรองหรั่ง และกล่าวขอโทษกับครอบครัวของรองหรั่ง ตนรู้สึกเสียใจมากและไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น โดยในระหว่างกล่าวคำขอโทษครอบครัวของรองหรั่งลูกสาวคนโตก็ร้องไห้ออกมา พร้อมทั้งมีการพูดคุยให้กำลังใจกันและปรึกษาหาทางออก ว่าหลังจากนี้จะเอาไงกันต่อไปดี

ต่อมา ลูกสาวคนที่สอง ที่มีภาพตะโกน อยู่หน้าบ้านออกไปที่ปรากฎตามสื่อ คุณมิ้น ได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า รอบแรก ตนเองเกิดอารมณ์โมโหบันดาลโทสะ จึงได้ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย พอหลังจากนั้นตนติดต่อแม่ได้ พอแม่มาถึงตนก็ใจเย็นลงและพูดดีขึ้น ตนได้พูดคุยเจรจากับพ่อพ่ออยากให้แม่เข้าไปเพื่อแลกตัวกับน้องอายุ 10 ขวบ มีการเปิดประตูกันแล้ว พอน้องก้าวขาออกมา พ่อตนก็ตะโกนมาว่ายังไม่ได้ “ แม่มึงยังไม่ได้เข้ามาเลย“ ตนก็เปิดประตูให้มันกว้างขึ้น หลังจากนั้นพ่อก็ตะโกนว่ามึงเปิดประตูทำเหี้ยอะไรแล้วหยิบอาวุธปืน หลังจากนั้นรองหรั่ง ก็มาเจรา รองหรั่งก็ทำเหมือนจะผลักพ่อให้ล้ม หรือเข้าไปชาร์จตัวคุณพ่อ หลังจากนั้นเหมือนพ่อตกใจ ถึงลั่นไก่เนื่องจากขึ้นลำปืนไว้แล้ว ขณะนั้นตนก็เข้าไปดึงตัวน้อง10ขวบออกมา และเดินเข้าบ้านได้ไปดูพี่สาวและน้องสาวอีกคนว่าอยู่ตรงไหน ยังโอเคอยู่ไหม และได้เข้าไปดูรองหรั่ง ว่ายังหายใจอยู่ไหมเพราะตนก็กลัวเหมือนกัน 

โดยพวกตนใช้วิธีการหนีโดยการเลาะระเบียงบ้านคนอื่นออกมาและใช้บันไดไม้ไผ่ปีนลงจากระเบียงบ้านของเพื่อนบ้าน แล้วหลังจากนี้ พรุ่งนี้ ครอบครัวของตนก็จะเข้าไปงานศพของ”รองหรั่ง“ 

ทางนี้ตนไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น และยังรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิด อยู่ ถ้ามีโอกาสพูดคุยกันได้ก็อยากให้คุณพ่อไปพบหมอเพื่อรักษาเพื่อให้ผ่อนคลายจากความเครียดมากขึ้น พร้อมทั้งตอบประเด็นที่ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ตน อยากให้ทุกคนเข้าใจตนด้วย ว่าตนก็ไม่รู้จะให้ทำยังไงอย่างน้อยตนก็ช่วยชีวิตน้อง 10 ขวบ ของตนให้รอดชีวิตออกมาได้ และอยากให้รู้ว่าตนผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งถูกขังและถูกทำร้ายร่างกาย

ด้านคุณแม่ยังมีอาการตกใจ กลัวและเสียใจอยู่ เรื่องรองหรั่ง โดยในระหว่างเกิดเหตุคุณแม่ก็ภาวนาขอให้รอด ส่วนเรื่องปืนของพ่อคุณพ่อซื้อมาตั้งแต่ตอนอายุ 12-13 ขวบ เท่าที่จำได้พ่อมีอาวุธปืนสี่กระบอก เท่าที่จำความได้พ่อเคยไปฝึกซ้อมยิงปืนแค่สองครั้ง และสองสามปีที่ผ่านมาคุณพ่อก็จะมีการข่มขู่บ้าง โดยภายหลังจากการพูดคุยเสร็จ ทางลูกสาวคนโตและคนรองก็ได้มีการเปิดโชว์ร่องรอยบาดแผลบริเวณแขน ของลูกคนโต และ แผลเหนือคิ้ว ของลูกคนรองคนที่สอง