วันที่ 21 กรกฎาคม 2567  ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ชุดปฏิบัติการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ร่วมกับฝ่ายปกครองกระบุรี  ร่วมออกปฏิบัติการ กวาดล้างและจับกุมการกระทำผิดลักลอบขนยางพาราแผ่นโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร    ในขณะลาดตระเวน  ถึงพื้นที่บริเวณ ท่าพระเสาร์   ม.2 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง   ได้ตรวจพบเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ แล่นข้ามมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังฝั่งไทย และมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้ารีโว่ สีขาว ทะเบียนจังหวัดระนอง   พร้อมกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน กำลังขนถ่ายยางพาราแผ่นดิบ จากเรือลำดังกล่าวมากองบริเวณริมแม่น้ำ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่คนขับเรือหางยาวพร้อมกลุ่มชายดังกล่าว ได้แล่นเรือหลบหนีไป

ส่วนคนขับรถยนต์บรรทุกยางพาราได้ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงขับรถไล่ติดตาม  จากถนนตามแนวชายแดน  ออกมาสู่ถนนสายหลัก เพชรเกษม  ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ถนนในหมู่บ้านสวัสดิ์ ม.3 ต.มะมุ อ.กระบุรี อีกครั้ง  โดยผู้กระทำความผิดได้ขับใช้ความเร็วสูง แม้จะเป็นเส้นทางหักเลี้ยว   โชคดีที่เป็นกลางดึกจึงไม่มีรถชาวบ้านประชาชนทั่วไปออกมาใช้ถนน  สุดท้ายได้เสียหลัก รถกระบะพุ่งชนเสาปูนข้างทาง และไม่สามารถไปต่อได้  รวมระยะหลบหนีร่วม 20 ก.ม. และเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมตัว  ทราบชื่อคนขับชื่อ  นายเอ (นายสมมุติ) อายุ 40 ปี  ชาวอำเภอกระบุรี  เป็นเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าว    ตรวจสอบท้ายกระบะรถยนต์ พบยางพาราแผ่นน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม  

จากการสอบสวนเบื้องต้น  นายเอฯ  ให้การรับสารภาพว่าตน  ได้ร่วมกับกลุ่มชายชาวเมียนมา ลักลอบนำยางพาราแผ่นดิบไม่เสียภาษี  จากประเทศเพื่อนบ้านข้ามแม่น้ำกระบุรี เข้ามาขายในฝั่งไทย โดยยังมียางพาราเถื่อนกองอยู่ที่จุดเกิดเหตุ อีกร่วม 1,000 ก.ก.  โดยรับซื้อจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านในราคา ก.ก.ละ 35 บาท   แล้วมาขายต่อให้กับร้านรับซื้อยางในพื้นที่ในราคา ก.ก.ละ 50-60 บาท   และกระทำความผิดเช่นนี้เป็นครั้งที่ 2  โดยสาเหตุที่ลักลอบกระทำความผิด เพื่อหาเงินมาผ่อนชำระค่างวดรถยนต์กระบะ   ก่อนนำเจ้าหน้าที่กลับไปยังจุดเกิดเหตุ  ที่ลักลอบขนถ่ายยางพาราเถื่อน ลักษณะตั้งกองริมแม่น้ำ รวมน้ำหนักทั้งสิ้น 1,000 กิโลกรัม  ขึ้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าว  

ด้านเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้กระทำความผิด  ลักลอบนำสินค้าทางการเกษตร  ยางพาราแผ่นดิบ เข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ผ่านกระบวนการทางศุลกากร  พร้อมนำของกลางทั้งหมดที่ยึดมาได้   ส่ง สภ.ปากจั่น เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป