สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านการสร้างนวัตกรรมจากการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งจากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว

วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้มาลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ด้านการสร้างนวัตกรรมจากการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งจากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ณ ห้องพระรามราชานุสรณ์ ชั้น 3 สำนักงาน กปร. พร้อมด้วยผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามครั้งนี้ความร่วมมือด้านการสร้างนวัตกรรมจากการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งจากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว เพื่อนำพลังงานความเย็นที่ได้จากระบวนการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas: LNG : ก๊าซธรรมชาติที่ถูกแปรสภาพโดยการลดอุณหภูมิเหลือ -160°C จนกลายเป็นของเหลว) โดยนำความเย็นเหลือทิ้งจากกระบวนการแปรสภาพของ LNG (REGASFICATION PROCESS) มาใช้ในระบบการผลิตไม้ดอกและพืชเมืองหนาว เพื่อพัฒนาต้นแบบการผลิตพืชที่มีศักยภาพสูง มาพัฒนาต่อยอดด้านการเกษตร โดยนำมาทดลองใช้ในโรงเรือนผลิตพืช แบบ smart farming เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยผลการวิจัย ในระยะที่ 1 ตั้งแต่ ปี 2560 - 2562 สามารถทำการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวได้ประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ทิวลิป ดารารัตน์ และ ไฮเดรนเยีย โดย บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัดได้นำองค์ความรู้มาใช้ในการผลิตพืชเมืองหนาวชนิดต่าง ๆ

ในปี 2562 บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ได้จัดตั้ง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการใช้พลังงานความเย็นทางการเกษตร ภายในสถานีแอลเอ็นจี มาบตาพุด แห่งที่ 1 ในตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อเป็นแหล่งผลิตไม้เมืองหนาว โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อ “ศูนย์เลิศพัฒนพฤกษ์” หมายถึง ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการพัฒนาและขยายพันธุ์พืช เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 จึงถือเป็นก้าวแรก ที่สำคัญของการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งจากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว โดยนำมาใช้ในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว เป็นการยกระดับการผลิตและศักยภาพกำลังผลิตพืชเมืองหนาวของประเทศไทย ทั้งยังเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการเกษตรสมัยใหม่ให้แก่ชุมชน เกษตรกร นิสิต และนักศึกษา ทั้งในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดอื่นทั่วประเทศ และในระยะที่ 2 (พ.ศ.2563-2565) ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวได้มีการดำเนินการต่อยอดองค์ความรู้ และพัฒนาการขยายพันธุ์พืช ขยายผลการดำเนินงานจากการวิจัย และพัฒนาด้านการขยายพันธุ์พืชของศูนย์เลิศพัฒนพฤกษ์ ได้มีการวิจัยพืชเมืองหนาวชนิดอื่นเพิ่มเติม และประสบผลสำเร็จในการขยายพันธุ์พืชเมืองหนาว รวมถึงการเพาะเลี้ยงและการปลูกวาซาบิในไทย จึงได้พัฒนาไปสู่ การจัดตั้ง ศูนย์เรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ป่าและพันธุ์พืช และ จัดสร้างสร้างอาคารโดมสำหรับจัดแสดงป่าฝนและพืชเมืองหนาว ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานชื่อ  "ศูนย์เลิศพนานุรักษ์" อันหมายถึง ศูนย์เรียนรู้อันเป็นเลิศด้านการอนุรักษ์ป่า และชื่ออาคารจัดแสดงว่า "อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา" หมายถึง อาคารจัดแสดงพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563

ต่อมา เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด ศูนย์เลิศพนานุรักษ์ ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง อย่างเป็นทางการ และสำหรับในระยะที่ 3 ปี 2567-2570 นี้ จะเป็นการสานต่อความร่วมมือเพื่อพัฒนาต่อยอดความร่วมมือ และสนับสนุนด้านการสร้างนวัตกรรมจากการใช้ประโยชน์ของความเย็นเหลือทิ้งจากสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว มาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตพืชเมืองหนาว และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีนี้มาใช้ในภาคเกษตรไทยให้หลากหลาย โดยเฉพาะการผลิตพืชเกษตรที่มีมูลค่าสูง และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ปลูกในประเทศ

สำนักงาน กปร. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ต่างมุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินงานร่วมกันในระยะที่ 3 ครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดการพัฒนาความร่วมมือ และสนับสนุน สามารถสร้างนวัตกรรม และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกร จนสามารถมีอาชีพมีรายได้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้ปลูกได้อย่างแท้จริงต่อไป  อีกทั้งเป็นการยกระดับการผลิตและกำลังผลิตพืชเมืองหนาวของประเทศไทย ให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก สมดังพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงจัดตั้งศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่อันเนื่องมาจากพระราชดำรินี้ขึ้น เพื่อพัฒนาและขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผล ถ่ายทอดองค์ความรู้ และส่งเสริมอาชีพให้แก่ราษฎร และเป็นการสืบสานตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ