ฝนที่เริ่มตกชุกในหลายพื้นที่ทางตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำสะสมไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ในอัตราที่เพิ่มขึ้น กรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะตกลงมาเพิ่มทางตอนบน พร้อมเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล แต่ยังไม่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ตามนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน( 20 ก.ค.67 เวลา 14.00 น.)ว่า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 903 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 260 ลบ.ม./วินาที คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 300 – 500 ลบ.ม./วินาที ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนที่ตกทางตอนบน จากสถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ถึงบริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวยังคงอยู่ในตลิ่งและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่

ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด โดยจะพิจารณาถึงความมั่นคงของตัวเขื่อน และผลกระทบต่อประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย ให้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมทั้งพิจารณารับน้ำเข้าระบบชลประทานในพื้นที่ตอนบน รวมไปถึงพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มเติม โดยไม่ให้ส่งกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่ และปรับลดการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อลดผลกระทบด้านท้ายน้ำ หากระดับน้ำทางตอนบนเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น กรมชลประทานจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป